เอเอฟพี – ผู้เชี่ยวชาญชี้ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกต่างมุ่งให้ความสำคัญไปที่ปัญหาการก่อการร้าย แต่หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วโรคอ้วน และโรคที่เกิดจากการดำเนินวิถีชีวิตเป็นภัยเงียบที่อันตรายมากกว่า เนื่องจากกำลังคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคนอยู่ในปัจจุบัน
ในการประชุมสุดยอดพันธมิตรด้านสุขภาพครั้งที่ 5 ของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ซึ่งจัดขึ้นที่นครซิดนีย์ของออสเตรเลียเมื่อวันจันทร์ (25) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและกฎหมายต่างชี้ว่า การเอาชนะปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิต เช่น การกินอาหารอย่างไม่ถูกต้อง การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย เป็นประเด็นที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพื่อต่อสู้กับโรคเรื้อรังที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
ลอว์เรนซ์ กอสติน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของสหรัฐฯ กล่าวว่า จริงอยู่ที่ลัทธิก่อการร้ายโลกเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความเจ็บป่วยที่เกิดจากการสูบบุหรี่
“หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน เราได้หันไปให้ความสำคัญกับปัญหาการก่อการร้ายอย่างมาก แต่หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วเรากำลังเผชิญกับหายนะภัยที่คืบคลานมาอย่างเงียบๆ นั่นก็คือ โรคอ้วน ซึ่งกำลังคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกในปัจจุบัน” ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของสหรัฐฯ กล่าว
ด้านสติก แพรมมิง ผู้อำนวยบริหารของกลุ่มอ็อกฟอร์ด กล่าวว่า จริงอยู่ที่ภัยคุกคามด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่และที่หวนกลับมาอีกครั้ง เช่น โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ไข้หวัดนก และโรคเอดส์ รวมถึงภัยจากลัทธิก่อการร้าย ก่อการร้ายชีวภาพ และปัญหาโลกร้อน กำลังเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงและอ่อนไหวอย่างมาก แต่โรคเรื้อรังซึ่งสามารถป้องกันได้กลับเป็นสิ่งที่จะทำให้ระบบสุขภาพและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศประสบภาวะวิกฤติในอนาคต
อย่างไรก็ตามที่ประชุม มองว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลประเทศต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามด้านสุขภาพบางอย่างเช่นเดียวกับปัญหาการก่อการร้าย ขณะที่ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตทั้งหมด
ทั้งนี้คาดว่าการประชุมดังกล่าวซึ่งจะปิดฉากในวันพุธ (27) จะมีการเรียกร้องให้รัฐบาล และธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกซึ่งเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง
