เอเอฟพี/เอเจนซี - วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ (22) เปรียบการประกาศเอกราชของโคโซโวเป็น "แบบอย่างอันน่ากลัว" ซึ่งจะย้อนกลับมาเล่นงานชาติตะวันตกในภายหลัง ขณะที่สหรัฐฯ เรียกตัวเจ้าหน้าที่ทูตกลับประเทศหลังสถานทูตประจำเบลเกรดถูกจู่โจมในวันพฤหัสบดี (21)
"การประกาศเอกราชของโคโซโวคือแบบอย่างที่น่ากลัว ซึ่งจะทำลายระบบความสัมพันธ์ของนานาชาติ ที่ใช้เวลาเพาะบ่มไม่ใช่แค่ทศวรรษ แต่มันต้องใช้เวลานานหลายศตวรรษเลยทีเดียว" ปูตินกล่าว
สนับสนุนการประกาศเอกราชของโคโซโว "ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าถึงผลลัพธ์ในสิ่งที่พวกเขาทำ" ปูตินบอก "ท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นดาบสองคมที่คมอีกด้านจะย้อนมาบาดพวกเขาในภายภาคหน้า"
ขณะเดียวกันยังคงมีความรุนแรงสืบเนื่องจากการประกาศเอกราชของโคโซโวรายวัน โดยเมื่อวันศุกร์ กลุ่มผู้ประท้วงชาวเซิร์บได้ปะทะกับตำรวจสหประชาชาติในเมืองมิโตรวิกา ซึ่งเป็นเขตของชาวเซิร์บในโคโซโว ที่ทางสหประชาชาติได้จัดตั้งองค์กรบริหารชั่วคราว
ในความรุนแรงหนล่าสุดที่สืบเนื่องจากการประกาศเอกราชของโคโซโวเมื่อวันอาทิตย์ (17) กลุ่มผู้ประท้วงราว 2,500 คน ได้ขว้างเพลิงและลูกไฟ เข้าใส่ตำรวจสหประชาชาติที่รักษาความปลอดภัยสะพานแห่งหนึ่งในเมืองมิโตรวิกาก่อนล่าถอยไป
อีกด้านหนึ่งปัญหาทางการทูตทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยรัสเซียออกมาเตือนชาติที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของโคโซโวให้โทษตัวเอง กรณีเหตุความไม่สงบในกรุงเบลเกรดซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ส่วนทางสหภาพยุโรปได้เรียกร้องให้เซอร์เบีย เพิ่มมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยคณะทูตของต่างชาติ หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ประท้วงบุกจู่โจมสถานทูตสหรัฐฯ และชาติอื่นๆ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (21)
ทางทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ได้ประณามผู้ก่อจราจลว่า "ผู้ร้าย" และแสดงความข้องใจต่อกรณีที่ตำรวจปราบจราจลของเซอร์เบียเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุล่าช้า
ทั้งนี้ในวันศุกร์ (22) สหรัฐฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทูตประจำกรุงเบลเกรดเดินทางออกจากเซอร์เบีย หลังเหตุความรุนแรงบุกเผาสถานทูต โดยให้เหตุผลว่าไม่มีความมั่นใจต่อทางการเซอร์เบียว่าจะสามารถให้ความปลอดภัยได้มากแค่ไหน
มีประชาชนราว 130 คนได้รับบาดเจ็บจากเหตุความไม่สงบระหว่างการชุมนุมประท้วงอย่างสันติที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 150,000 คนในกรุงเบลเกรด เพื่อคัดค้านการประกาศเอกราชของโคโซโว