เอเอฟพี/เอเจนซี - เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนทากอน), อดีตวิศวกรบริษัทโบอิ้ง, และบุคคลอื่นอีก 2 คน ถูกทางการอเมริกันจับกุมและตั้งข้อหาเมื่อวันจันทร์ (11) ว่าจารกรรมความลับทางทหารและด้านการบินและอวกาศอันล่อแหลมอ่อนไหวไปให้แก่ฝ่ายจีน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับยานกระสวยอวกาศด้วย
บุคคลทั้ง 4 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสมคบกันกระทำจารกรรมรวม 2 คดีซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ ผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรม เคนเนธ เวนส์ไตน์ แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ทั้ง 2 คดีนี้ซึ่งทางสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ติดตามรวบรวมหลักฐาน ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ "เพื่อเข้าครอบครองความลับทางทหารของประเทศเรา" และ "เครือข่ายจารกรรมเช่นนี้ถือเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ความมั่นคงแห่งชาติของเรา และต่อฐานะทางเศรษฐกิจของเราในโลก"
ตามปากคำของพวกเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมอเมริกัน ในคดีแรกนั้น เกร็กก์ วิลเลียม เบอร์เกอร์เสน เจ้าหน้าที่เพนทากอน, คังอี้ว์ซิน ซึ่งเป็นพลเมืองจีน, และ กัวไท่เซิน ผู้เกิดในไต้หวันแต่ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว ถูกกล่าวหาว่าส่งข้อมูลข่าวสารอันเป็นความลับให้แก่จีน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯไปให้แก่ไต้หวัน
เบอร์เกอร์เสน ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 51 ปี เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายด้านระบบอาวุธ ในสำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงทางกลาโหมของเพนทากอน อันเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องขายอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้แก่ต่างประเทศ เขาได้รับสถานะให้เข้าถึงความลับต่างๆ ได้ถึงชั้นสูงสุด
สำหรับ กัว ปัจจุบันอายุ 58 ปี ถูกกล่าวหาว่าทำงานภายใต้การชี้นำของเจ้าหน้าที่จีนผู้หนึ่งซึ่งไม่มีการระบุชื่อ เพื่อรับเอาข้อมูลความลับทางกลาโหมสหรัฐฯ จากเบอร์เกอร์เสน
ขณะที่ คัง ผู้มีอายุ 33 ปี และได้รับฐานะเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานถาวรในสหรัฐฯ ถูกระบุว่าทำหน้าที่เป็นท่อต่อรับส่งข้อมูลข่าวสาร ระหว่างคังกับเจ้าหน้าที่จีน
ทั้ง กัว และ คัง อาจถูกระวางโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต หากถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาสมคบกันเพื่อเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้านกลาโหมของชาติให้แก่รัฐบาลต่างประเทศ
สำหรับ เบอร์เกอร์เสน ถูกตั้งข้อหาเปิดเผยข้อมูลข่าวสารด้านกลาโหมของชาติให้แก่บุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 10 ปี
ส่วนในอีกคดีหนึ่ง ชุง "เกร็ก" ตงฟาง หรือ จางตงฟาง อดีตวิศวกรบริษัทโบอิ้งซึ่งเกิดในจีนแต่ได้สัญชาติสหรัฐฯแล้ว ถูกตั้งข้อหาว่าโจรกรรมและส่งความลับทางการค้าไปให้แก่ปักกิ่ง
โดยนอกจากเรื่องความลับเกี่ยวกับยานกระสวยอวกาศที่สหรัฐฯ ใช้ในการนำมนุษย์ออกไปในอวกาศอยู่เวลานี้แล้ว ชุง ซึ่งปัจจุบันอายุ 72 ปี ยังถูกข้อหาทำจารกรรมทางเศรษฐกิจ แอบล้วงความลับเกี่ยวกับเครื่องบินขนส่งทางทหารรุ่น ซี17 และจรวดเดลตา 4 ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อนำยานอวกาศที่มีมนุษย์อยู่ด้วยขึ้นไปสู่อวกาศ ขณะที่ตัวเขาทำงานอยู่กับโบอิ้ง และก่อนหน้านั้น คือในตอนที่เขาทำงานกับ ร็อกเวลล์ อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในบริษัทรับจ้างทำโครงการต่างๆ ให้เพนทากอน ที่ต่อมาถูกโบอิ้งซื้อกิจการไป
ชุงถูกกล่าวหาว่าได้รับคำชี้แนะจากอุตสาหกรรมการบินของจีนอย่างน้อยตั้งแต่ปี 1979 แล้ว เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ฝ่ายแดนมังกรต้องการ เขาถูกตั้งข้อหาจารกรรมทางเศรษฐกิจรวม 8 กระทง แต่ละกระทงมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปีและปรับ 500,000 ดอลลาร์ นอกจากนั้นเขายังโดนข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 6 คดีด้วย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ บอกว่า คดีของชุงเกี่ยวข้องกับการสอบสวน ฉีมัก หรือ ม่ายต้าจื้อ วิศวกรที่เกิดในจีนและพำนักอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ตลอดจนสมาชิกอีกหลายคนในครอบครัวของฉี ซึ่งได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริง ในข้อหาจัดหาอุปกรณ์ด้านกลาโหมของสหรัฐฯให้แก่จีน
ฉีมัก ซึ่งเวลานี้อายุ 66 ปี เคยทำงานให้แก่บริษัทสหรัฐฯแห่งหนึ่งที่รับจ้างทำงานให้กองทัพเรือสหรัฐฯหลายโครงการ เขาจะถูกศาลตัดสินระวางโทษตามความผิดในวันที่ 24 มีนาคม