เอเอฟพี – ออสเตรเลียตกลงจะส่งทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของติมอร์ตะวันออก หลังเกิดเหตุกลุ่มกบฏบุกโจมตีผู้นำรัฐบาล นายกรัฐมนตรี เควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย เผย ขณะที่ ทางการอินโดนเซียเพิ่มมาตรการคุมความมั่นคงชายแดนแล้ว
รัดด์ แถลงข่าวว่า ออสเตรเลียตกลงทำตามข้อเรียกร้องของติมอร์ตะวันออก ที่จะให้ส่งกำลังเสริม เนื่องจากทหาร 800 นาย ที่ส่งไปปฏิบัติภารกิจเพื่อรักษาสันติภาพของติมอร์นั้น มีปัญหา ด้วยมีการพยายามลอบสังหารผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของประเทศเพื่อนบ้านอันใกล้ชิด ซึ่งจะรบกวนการพัฒนาประเทศด้วย
“รัฐบาลนี้จะยืนเคียงข้างรัฐบาลที่มีจากการเลือกตั้งของติมอร์ตะวันออกในช่วงเวลาวิกฤตอย่างมุ่งมั่น ดังนั้น เราจึงตัดสินใจสนองตอบต่อข้อเรียกร้องของพวกเขา โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ (ทหาร) และตำรวจเพิ่มเติมด้วย” นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าว
รัดด์ ยังระบุว่า จะส่งทหารในหน่วยที่แข็งแกร่งราว 100-150 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษประมาณ 70 คน ไปช่วยเหลือติมอร์ตะวันออก นอกเหนือจากกองกำลังรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศ ที่นำโดยออสเตรเลีย ที่ดูแลความมั่นคงทั่วเมืองดีลี
ด้าน นายพลอาร์ เอ็ม คุสดาร์โยโน ผู้บัญชาการทหารของอินโดนีเซีย ในเขตติมอร์ตะวันตก ได้สั่งการให้มีการเพิ่มมาตรการคุมเข้มบริเวณชายแดน เพื่อป้องกันกลุ่มกบฏหลบหนีข้ามแดนจากติมอร์ตะวันออกไปยังติมอร์ตะวันตกแล้ว
“เรากำลังเพิ่มกำลังทหารบริเวณชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรข้ามชายแดนโดยทั่วไป เส้นทางป่าที่รู้จักทั้งหมดระหว่าง 2 ประเทศก็อยู่ภายใต้การควบคุม” คุสดาร์โยโน กล่าว โดยเสริมว่า กองกำลังติดอาวุธให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเรียกร้องให้ชาวบ้านที่อาศัยอยุ่ตามชายแดนระวังตัวด้วย
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจเซ รามอส-ฮอร์ตา ของติมอร์เลสเต และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บในการบุกโจมตีบ้านพักในเมืองหลวงดีลีโดยกลุ่มกบฏ เช้าวันนี้ (11) ขณะที่ อาการยังคงทรงตัว แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส