เอเอฟพี - ภรรยาหม้ายชาวญี่ปุ่นของ ซูการ์โน ประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย วันนี้ (28) กล่าวว่า เธอไม่ให้อภัย ซูฮาร์โต ผู้ล่วงลับ พร้อมเปรียบอดีตประธานาธิบดีรายนี้โหดเหี้ยมไม่ต่างกับ พอลพต ผู้นำเขมรแดง
ซูฮาร์โต ทำการรัฐประหาร ซูการ์โน ในปี 1965-1966 และครองอำนาจในอินโดนีเซียยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ทั้งนี้ จะมีการประกอบพิธีศพของเขาวันนี้ ที่สุสานประจำครอบครัวบนเกาะชวา ห่างจากเมืองโซโลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 35 กิโลเมตร หลังจากถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันอาทิตย์ (27)
“ฉันไม่ต้องการพูดกระทบถึงคนตาย แต่ฉันไม่สามารถอโหสิกรรม ซูฮาร์โต ได้” รัตนา สารี เดวี ซูการ์โน ภรรยาคนที่ 3 ของซูการ์โน บอกกับเอเอฟพี “เขาคือพอลพต แห่งอินโดนีเซีย” เธออ้างถึงอดีตผู้นำอันโหดเหี้ยมของเขมรแดง
เดวี อดีตบาร์โฮสเตรส แต่งงานกัน ซูการ์โน เมื่อปี 1962 ช่วงเวลาที่เธอมีอายุเพียง 19 ปี หลังจากเขาตกหลุมรักเธอเมื่อตอนที่ไปเยือนกรุงโตเกียว
หลังการเสียชีวิตของ ซูการ์โน ในปี 1970 เธอถูกกักบริเวณ ก่อนจะเดินทางกลับญี่ปุ่น ประกอบอาชีพพิธีกรรายการโทรทัศน์ ทำธุรกิจเพชรพลอยและเครื่องสำอาง
แม้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะเจริญเติบโตภายใต้การนำของซูฮาร์โต แต่อีกด้านหนึ่งการปกครองของเขานำไปสู่การกวาดล้างชาวอินโดนีเซียที่เป็นคอมมิวนิสต์ และชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนหลายแสนคน ออกกฎหมายคว่ำบาตรพรรคคอมมิวนิสต์และชาวจีนที่เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ รวมถึงการนำกำลังบุกติมอร์ตะวันออก และการใช้กำลังปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดอาเจะห์และปาปัว
เดวี กล่าวโทษ ซูฮาร์โต สำหรับการเสียชีวิตของสามีเธอ ซึ่งเป็นผู้ประกาศเอกราชและเป็นประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย รวมถึงพลเรือนจำนวนมากที่ถูกสังหารทั่วประเทศ “แม้ว่าเขาจะมีใบหน้าที่อ่อนโยน แต่ในเวลาเดียวกันเขาทั้งอำมหิตและไร้หัวใจ คุณไม่สามารถบอกได้หรอกว่าภายในเขาเป็นคนอย่างไร สิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เขาทำต่างกันสิ้นเชิง”
อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งก้าวลงจากอำนาจหลังปกครองประเทศมายาวนานถึง 32 ปีในปี 1998 ถูกกล่าวหาว่า เป็นหนึ่งในผู้โกงกินแห่งศตวรรษ หลังยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนพ้องขณะอยู่ในอำนาจ “ทุกวันนี้ ชาวอินโดนีเซียจำนวนมากยังเจ็บปวดกับเรื่องดังกล่าว” เธอบอก
นอกจากนี้ เธอ ยังได้ตำหนิ ซูฮาร์โต ที่ไม่ยอมขึ้นศาลในช่วงปลายชีวิตเพื่อตอบข้อกล่าวหาคอร์รัปชัน หลังอ้างอาการป่วย “เขาจบชีวิตของตนเองโดยมีเพื่อนๆอยู่เคียงข้าง ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมากๆ”