เอเจนซี - อดีตประธานาธิบดีผู้ทรงอิทธิพล ซูฮาร์โต ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันอาทิตย์ (27) หลังถือหางเสือความเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพให้อินโดนีเซียนานกว่า 3 ทศวรรษ มีเพียงส่วนน้อยที่มองว่างานของเขา คือ ความลึกลับและนำประเทศพรวดพราดไปสู่ความสับสนอลหม่าน
หลังจากอดีตนายพลรายนี้ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1998 ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ การประท้วงของฝูงชนและจลาจลในจาการ์ตา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 ราย ขณะที่มรดกของเขาต้องมัวหมอง หลังสมาชิกในครอบครัวของเขาถูกฟ้องในข้อหาคอร์รัปชันหลายพันล้านดอลลาร์
อดีตประธานาธิบดีวัย 86 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจาการ์ตา เมื่อวันที่ 4 มกราคมเนื่องจากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ ปอด และไต
ซูฮาร์โต ล้มป่วยจากอวัยวะหลายชิ้นส่วนล้มเหลวครั้งแรกราวสัปดาห์เศษที่ผ่านมา แต่จากนั้นอาการเขากลับดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และแพทย์บอกเมื่อวันเสาร์ (26) ว่า เขาสามารถหายใจได้เอง 100 เปอร์เซ็นต์ ทว่าให้หลังเพียงหนึ่งวันอาการของเขาทรุดหนัก จนถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด
ซูฮาร์โต เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1921 จากครอบครัวยากจน บิดาเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อยในชวากลาง เขาเข้ารับราชการทหารตั้งแต่อายุ 19 ปี ที่ยศสิบโทช่วงที่อินโดนีเซียซึ่งตกอยู่ภายการปกครองของเนเธอร์แลนด์ ขณะที่ถูกญี่ปุ่นรุกรานในปี 1942-45 ต่อมาเขาเข้าร่วมกับนักรบกองโจรอินโดนีเซียต่อต้านกองทัพเนเธอร์แลนด์
เขาก้าวสู่อำนาจด้วยการนำกองทัพก่อรัฐประหารนายพลซูการ์โน ในปี 1965 ซูฮาร์โตวางและดำรงฐานอำนาจการปกครองส่วนกลางผ่านสายทหาร และการใช้นโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ ทำให้อินโดนีเซียในช่วงสงครามเย็นได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลตะวันตกทั้งเชิงเศรษฐกิจและการทูต ส่งให้อินโดนีเซียมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างแข็งแกร่ง
หากแต่อีกด้านหนึ่งการปกครองของนายซูฮาร์โต ก็นำไปสู่การกวาดล้างชาวอินโดนีเซียที่เป็นคอมมิวนิสต์ รวมถึงชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนหลายแสนคน และออกกฎหมายคว่ำบาตรพรรคคอมมิวนิสต์และชาวจีนที่เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศ
กระทั่งทศวรรษที่ 1990 การปกครองแบบเผด็จการและการคอร์รัปชันอย่างมโหฬารนำไปสู่ความไม่พอใจของคนในประเทศ โดยเฉพาะหลังยุควิกฤตค่าเงินในเอเชียกดให้เศรษฐกิจอินโดนีเซียตกต่ำลง กระทบทั้งคุณภาพชีวิตประชาชนและอำนาจบริหารทั้งทางทหาร การเมืองและสถาบันทางสังคม นำไปสู่การเดินขบวนประท้วงของคนในประเทศบีบให้นายซูฮาร์โตลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 1998
อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งก้าวลงจากอำนาจหลังปกครองประเทศมายาวนานถึง 32 ปีในปี 1998 ถูกกล่าวหาว่า เป็นหนึ่งในผู้โกงกินแห่งศตวรรษ หลังยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนพ้องขณะอยู่ในอำนาจ
อย่างไรก็ตาม อดีตผู้นำจอมเผด็จการของอินโดนีเซีย กลับไม่เคยถูกนำตัวเข้ารับการพิจารณาคดีคอร์รัปชัน โดยเขาอ้างความไม่พร้อมจากปัญหาสุขภาพ ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากซูฮาร์โตเป็นเงิน 1,400 ล้านดอลลาร์ ในข้อหาใช้เงินมูลนิธิที่เขาเป็นประธานผิดวัตถุประสงค์