เอเอฟพี/เอเจนซี - การประชุมประจำปี “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” (WEF) ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเวทีชุมนุมบรรดาผู้นำทางธุรกิจและทางการเมืองของโลก เปิดขึ้นแล้วเมื่อวานนี้ (23) ด้วยบรรยากาศที่ถูกครอบงำจากการหั่นลดดอกเบี้ยอย่างแรงและกะทันหันของสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งหมายที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจถลำลงสู่ภาวะถดถอย ตลอดจนเพื่อสนับสนุนตลาดหลักทรัพย์
เวทีการประชุม WEF ณ ดาวอส ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นการประชุมใหญ่ของชนชั้นนำแห่งระบบทุนนิยมของโลกนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้จัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันสดใส โดยภาคบรรษัททำผลกำไรได้งดงาม, เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เติบโตเข้มแข็ง และภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับไม่สร้างปัญหา
ทว่าสำหรับ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ครั้งที่ 38 คราวนี้ กลับเปิดขึ้นขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญสภาพที่ตลาดหุ้นต่างทรุดตัวมโหฬาร, เศรษฐกิจเติบโตชะลอลง, วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ยังคงออกฤทธิ์เดช, แถมราคาน้ำมัน อาหาร และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ก็พุ่งลิ่ว
“ผมไม่ทราบว่า สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือเปล่า แต่ผมทราบแน่ๆ ว่า เมื่อ 1 ปีก่อน ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ สิ่งต่างๆ เคยดูสดใสหวานชื่นมากๆ” ราหุล บาจัจ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรม บาจัจ ออโต ของอินเดีย กล่าวกับเอเอฟพีที่ดาวอส
เมื่อวันอังคาร (22) หรือเพียง 1 วันก่อนหน้าเริ่มการประชุม WEF คราวนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยอย่างแรงทีเดียว 0.75% ท่ามกลางการดำดิ่งอย่างน่ากลัวของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
ความเคลื่อนไหวแบบฉุกเฉินของเฟดคราวนี้ ยังมีขึ้นหลังประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ประกาศในวันศุกร์ (18) ถึงโครงร่างของแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งน่าจะมีมูลค่าระหว่าง 140,000 ล้าน ถึง 150,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมุ่งหมายที่จะป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เซถลาลงสู่ภาวะถดถอย
“เฟดไม่สามารถป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจ (สหรัฐฯ) เข้าสู่ภาวะถดถอยได้หรอก” นูรีล รูบินี ศาสตราจารย์ทางเศรษฐศาสตร์ กล่าวในช่วงหนึ่งของการประชุมว่าด้วยเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส “ทัศนะของผม ก็คือ เศรษฐกิจของทั่วโลกจะไม่สามารถที่จะแยกขาดออกจากการถลาลงอย่างรุนแรง (ฮาร์ดแลนดิ้ง) ของสหรัฐฯ ได้”
ทางด้าน สตีเฟน โรช นักเศรษฐศาสตร์คนดังของวาณิชธนกิจ มอร์แกนสแตนลีย์ ก็พูดที่ดาวอสเช่นกัน ว่า “ยุโรปจะไม่ได้รับการยกเว้นจากการชะลอตัวของทั่วโลกเหมือนกัน”
บรรยากาศเช่นนี้ดูจะเป็นที่ผิดหวังของ เคลาส์ ชวาบ ผู้ก่อตั้ง WEF ซึ่งได้พูดในที่ประชุมแถลงข่าวก่อนหน้า WEF จะเริ่มต้นว่า เขาหวังให้เวทีประชุมคราวนี้ สามารถหลีกเลี่ยง “การมองโลกในแง่ร้ายจนล้นเกิน”
ในรายชื่อของแขกรับเชิญปีนี้ มีบุคคลระดับประมุขแห่งรัฐ หรือประมุขรัฐบาลรวม 27 คน, ระดับรัฐมนตรีคนสำคัญ 113 คน และบิ๊กบอสของเหล่าธุรกิจต่างๆ อีกหลายร้อยคน ถึงแม้มีรายงานว่า พวกผู้กำหนดนโยบายหลายรายเพิ่งขอถอนตัวในสัปดาห์ที่แล้ว เพราะติดภาระแก้ปัญหาภายในประเทศ อาทิ รัฐมนตรีคลัง เฮนรี พอลสัน ของสหรัฐฯ และรัฐมนตรีคลัง อลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง ของอังกฤษ
ทว่าผู้ที่จะมาก็ยังมี ประธานาธิบดี เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ แห่งปากีสถาน, ฮามิด คาร์ไซ แห่งอัฟกานิสถาน, อัลบาโร อูริเบ แห่งโคลอมเบีย, อูมารู ยาราดัว แห่งไนเจีย, กลอเรีย อาร์โรโย แห่งฟิลิปปินส์, กอร์ดอน บราวน์ แห่งอังกฤษ นอกจากนั้น เลขาธิการยูเอ็น บันคีมุน, ฌอง-โคลด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี), อดีตรองประธานาธิบดี อัล กอร์ ของสหรัฐฯ และ บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ก็มีกำหนดมาร่วมประชุมด้วย
