เอเอฟพี - เครื่องบินโดยสารจัมโบ้เจ็ตของสายการบินแควนตัสที่มุ่งหน้ามายังกรุงเทพฯเมื่อวันพุธ (7) ไฟดับขณะเตรียมร่อนลงสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ระบบสำรองทำงานแทนได้ จึงไม่เป็นปัญหาต่อการลงจอด
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่กำลังจะลงจอดที่กรุงเทพฯเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2008 เกิดไฟดับ" คริส แมนนิง หัวหน้านักบินของแควนตัสกล่าวในคำแถลง
"ระบบไฟสำรองเปิดทำงาน และเครื่องบินก็ลงจอดได้อย่างปลอดภัย"
แควนตัสบอกว่า ได้แจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังโบอิ้งและเจ้าหน้าที่ด้านการบินแล้ว และทางแควนตัสก็จะทำการสืบสวนอย่างถี่ถ้วนเองด้วย
จอห์น บอร์เก็ตตี กรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารแควนตัส เผยว่า เครื่องบินได้สลับไปใช้ไฟสำรองโดยอัตโนมัติ หลังจากมีน้ำเข้าไปในชุดควบคุมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ส่งผลให้ไฟดับ
"เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน แควนตัสจึงได้ตรวจสอบเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ทั้งหมดที่มีอยู่ ผลชี้ว่า เครื่องบินเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินได้" เขาแถลง
แหล่งข่าวด้านการบินบอกกับหนังสือพิมพ์ดิออสเตรเลียนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติมาก และอาจเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นได้ทีเดียว
"ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกลางมหาสมุทรในตอนกลางคืน เครื่องบินอาจตกได้" นักบินเครื่องบิน 747 ผู้มากประสบการณ์ กล่าวกับดิออสเตรเลียน
วิศวกรของแควนตัสที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องโบอิ้ง 747-400 บอกว่า ระบบไฟสำรองน่าจะจ่ายไฟได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
"มันจะสร้างความตระหนกตกใจมาก ถ้าระบบกำเนิดไฟฟ้าทั้งหมดใช้การไม่ได้แล้ว" เขากล่าว
นักบิน 747-400 อีกคนหนึ่งกล่าวกับดิออสเตรเลียนว่า เขาทราบว่าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้น 2 ครั้ง และเครื่องบินสามารถ "รับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างสบายแค่ในช่วงเวลาอันจำกัด"
จูเลียน วอล์ช รองผู้อำนวยการฝ่ายสอบสวนความปลอดภัยทางการบินแห่งสำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคมของออสเตรเลีย กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า อะไรเป็นสาเหตุของไฟดับในครั้งนี้
"เป็นที่แน่ชัดว่า แควนตัส โบอิ้ง และพวกเราเอง ต้องการจะทราบความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้" เขากล่าว
"ข้อมูลที่ผมมีในตอนนี้ก็คือ เป็นเหตุไฟดับอย่างเดียว"
ทั้งนี้ แควนตัสเผยว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุกลับมาบินได้ตามปกติแล้ววันพุธ(9)