เอเอฟพี – ประชาชนหลายหมื่นคน ถูกบังคับให้อพยพออกจากบ้านเรือน ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงภายหลังการเลือกตั้ง ณ ประเทศเคนยา โดยเหตุจลาจลนองเลือดในครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 300 ราย ทั้งยังอาจพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งระหว่างเผ่าอย่างเต็มรูปแบบด้วย
คอนโดลิซซา ไรซ์ และ เดวิด มิลลิแบนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ และอังกฤษ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยเรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองของเคนยายุติความรุนแรง และนำกระบวนการทางกฎหมายและการเมืองมาใช้เพื่อคลี่คลายวิกฤติที่เกิดขึ้น ตลอดจนเร่งสร้างความมั่นใจใน “อนาคตอันสันติและปรองดอง” ของประเทศ
ในวันอังคาร (1) ที่ผ่านมา เกิดเหตุสลดขึ้น เมื่อฝูงชนที่อยู่ในอารมณ์เดือดดาล บุกเผาทำลายโบสถ์แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเอลโดเรตทางตะวันตกของประเทศ ทำให้มีเด็กและผู้ใหญ่อย่างน้อย 35 คน ถูกเผาทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม ขณะกำลังหลบภัยอยู่ ณ ที่นั่น โดยเหตุจลาจลดังกล่าวเป็นหนึ่งในสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเคนยาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งอดีตประธานาธิบดีเอ็มวาอิ คิบาคี สามารถรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้แบบฉิวเฉียด ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าโกงการเลือกตั้งจาก ไรลา โอดิงกา ประธานพรรคฝ่ายค้าน
ความรุนแรงที่อุบัติขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่การรัฐประหารที่ล้มเหลวในปี 1982
จากการที่ประธานาธิบดีคิบาคี มาจากชนเผ่าคีคูยู ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของเคนยา ขณะที่ โอดิงกา ผู้นำฝ่ายค้านเป็นชาวเผ่าลูโอ ชนเผ่าอันดับรอง จึงทำให้เกิดความรุนแรงทางชาติพันธุ์อย่างเห็นได้ชัด อาทิ การสังหารแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หรือการลอบวางเพลิง
อับบา กูลเลต ผู้อำนวยการกาชาดสากลของเคนยา กล่าวภายหลังเดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในแถบตะวันตกของประเทศที่ประสบเหตุรุนแรงว่า “สิ่งที่ผมพบเห็น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดา และเกินกว่าที่จะพรรณนาได้”
“นี้เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ” เขากล่าว ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า “ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ผมเดินทางไปตรวจเยี่ยมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีผู้อพยพราว 70,000 คน”
ส่วนบริเวณชุมชนแออัดในกรุงไนโรบี ก็เต็มไปด้วยกลุ่มผู้ก่อจลาจล ที่เผาทำลายร้านค้าของฝ่ายชนเผ่าคิคูยู และปล้นชิงข้าวของต่าง ๆ ตั้งแต่ตู้เย็นไปจนถึงสินค้าพื้นฐาน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในเคนยา คร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว301 คน โดยเพียงแค่เมื่อวานนี้ (1) ก็มีผู้เสียชีวิตกว่า 110 ราย ทั้งนี้ จากการรวบรวมของสำนักข่าวเอเอฟพี