นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบและผลกระทบด้านสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา พร้อมเร่งรัดมาตรการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และย้ำมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยมีผู้บริหารส่วนกลาง ปภ. ร่วมประชุม พร้อมทั้งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นายธีรพัฒน์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ซึ่งปัจจุบันได้มีการลงนามถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ในการหยุดยิงเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 และครบกำหนดการหยุดยิงในวันนี้ (30 ธ.ค.68 เวลา 12.00 น.) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประชุมติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี เขต 5 นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 7 สกลนคร เขต 13 อุบลราชธานี และเขต 17 จันทบุรี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด โดยได้เน้นย้ำมาตรการการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่ครอบคลุมทั้งกรณีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และกรณีอพยพ สำหรับกรณีการอพยพนั้น กำหนดจ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท สำหรับการอพยพตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป และครัวเรือนละ 2,000 บาท สำหรับการอพยพไม่เกิน 7 วัน โดยผู้มีสิทธิรับเงินต้องเป็นผู้อยู่อาศัยประจำในเขตประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ มีหนังสือรับรองจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการ ก.ช.ภ.อ. และ ก.ช.ภ.จ. โดยประชาชนสามารยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือได้ 2 ช่องทาง คือ ยื่นคำร้องออนไลน์ที่ระบบเยียวยาผู้ประสบภัย กรณีการกระทำจากกองกำลังนอกประเทศ relief68plus (http://relief68plus.disaster.go.th) หรือยื่นคำร้องได้ด้วยตนเองที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นอกจากนี้ เพื่อให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากสถานการณ์คลี่คลายเป็นไปอย่างรวดเร็ว กอปภ.ก. ได้กำชับให้ทุกจังหวัดติดตาม ประเมินสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมช่วยเหลือเยียวยาประชาชนอย่างทันท่วงที หากพื้นที่ใดสถานการณ์คลี่คลายและมีความปลอดภัย ให้จัดทำประกาศให้ประชาชนกลับบ้านได้พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกการเดินทางกลับบ้านของประชาชนให้เป็นไปตามแผนการอพยพ พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2568 และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 และหากจังหวัดใดวงเงินทดรองราชการฯ ไม่เพียงพอให้รีบแจ้งมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อดำเนินการขอขยายวงเงินฯ เพิ่มเติมไปยังกระทรวงการคลัง สำหรับกรณีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้จังหวัดจัดส่งเอกสารประกอบเพื่อขอรับเงินเยียวยามายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อจะได้เร่งเบิกจ่ายเงินให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ
“แม้ว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา จะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์และภัยอันตรายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาวัตถุระเบิดตกค้าง รัฐบาลโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ให้บูรณาการร่วมกับกองกำลังในพื้นที่และหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา พร้อมมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ลงพื้นที่สำรวจและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชน หากพบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ที่พักอาศัยหรือพื้นที่ทำการเกษตร ห้ามเข้าใกล้ สัมผัส หรือเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด และให้รีบแจ้งผู้นำชุมชนเพื่อประสานเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าดำเนินการตรวจสอบและเก็บกู้ทันที นอกจากนี้ ได้สั่งการให้จังหวัดจัดเตรียมรถรับ-ส่งอำนวยความสะดวกในการกลับบ้าน และเร่งสำรวจความเสียหายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งไฟฟ้าและประปา รวมถึงเร่งสำรวจความเสียหายด้านการดำรงชีพและการเกษตร เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ พ.ศ. 2568 อย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดและคืนความปกติสุขให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนโดยเร็วที่สุด” นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ. กล่าว
นอกจากนี้ กอปภ.ก. ยังห่วงใยประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ซึ่งเป็นวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประชาชนจำนวนมากใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ จึงได้เน้นย้ำเรื่องมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ซึ่งกำหนดช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2568 - 5 มกราคม 2569 โดยกำชับจังหวัดให้ใช้กลไกของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด เป็นศูนย์กลางในการประสานและเชื่อมโยงการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนร่วมกับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาคีเครือข่ายในพื้นดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงการสัญจรเดินทางของประชาชนที่จะกลับภูมิลำเนาในจังหวัดพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา ให้กลับถึงบ้านไปหาครอบครัวอย่างปลอดภัย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ที่จะมาถึงนี้


