นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเชื่อว่า กัมพูชาคงไม่ยอมยุติสงคราม และประกาศหยุดยิงอย่างง่ายดายตามการยื่นคำขาดของไทย เพราะการสู้รบกันด้วยปัญหาดินแดน
อีกทั้งกล่าวว่า ไทยประกาศจะจบสงครามไทย-กัมพูชาก่อนประชุมอาเซียนในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เมื่อรบกันมาถึง 14 วัน ยังไม่จบ จึงเลื่อนอีกโดยคาดจะไปจบสิ้นปี 2568 ซึ่งเหลือเวลา 9 วัน ดังนั้นต้องรอวัดใจกันอีกว่า สงครามจะจบจริงหรือไม่
สงครามไทย-กัมพูชารอบใหม่นี้มีปัจจัยจัดการปัญหาพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ และฟอกเงิน จึงเรียกรวมกันว่า ปัญหาสแกมเมอร์ ดังนั้นแม้สงครามจบลงก็ไม่มีความหมาย ถ้าฐานสแกมเมอร์ยังอยู่ในปอยเปต กัมพูชา ซึ่งประเทศต่างๆ ย่อมเจอวิกฤตการหลอกลวงอยู่ดี
สิ่งสำคัญสงครามจะจบลงได้ โดยไทยยื่นคำขาดให้กัมพูชาประกาศหยุดยิง ถอยกำลังทหารออกจากดินแดนไทย ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้ กัมพูชาคงยอมรับได้ยากเพราะจะทำให้การเมืองภายในประเทศแทบหมดสภาพ ยิ่งมีปัญหาว่า ถ้าหยุดยิงแล้วดินแดนอยู่ในมือของประเทศใด ดังนั้น เชื่อว่า สงครามยังไม่จบกันง่ายๆ
นายจตุพร กล่าวว่า กัมพูชาอยู่กับสงครามมายาวนานมาก ถึงกับแย่งชิงอำนาจฆ่ากันเองเป็นทุ่งสังหารมีคนตายกว่า 3 ล้านคน ยิ่งมาทำสงครามกับไทยใช้ BM-21 ยิงใส่ไทยเป็นหมื่นนัดกระสุนก็ยังไม่หมด ถ้ายิงแม่นยำไทยคงเดือดร้อน เกิดความเสียหายมโหฬาร อีกอย่างขณะที่ไทยยึดดินแดนได้คืนมา ก็ถูกกัมพูชาซัดกลับอีก สงครามก็จะอยู่กันอย่างนี้ต่อไป
"สิ่งที่ใหญ่กว่าตัวปราสาท คือ ดินแดน เพราะสิ่งปลูกสร้างสามารถทำกลับคืนมาใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ตราบใดกัมพูชายอมหยุดยิง แต่ไทยกลับเสียดินแดนด้วย การเมืองในไทยจะพลิกทันที"
นายจตุพร กล่าวว่า การสู้รบกันรอบนี้ หากหยุดยิงแล้ว ไม่ว่าแผ่นดินไทยจุดใดจุดหนึ่งจาก 28 จุดที่มีปัญหากับกัมพูชา เช่นปราสาทตาควาย หากไทยต้องเสียให้กัมพูชา ปัญหาก็ไม่จบอยู่ดี และสงครามต้องเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยต้องการจบการสู้รบกับกัมพูชา แต่สงครามกำหนดไม่ได้ ที่ผ่านมาสงครามไม่เกิดเพราะไทยยอมเสียดินแดนที่กัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทยเข้ามา ถ้าคนบางพวกเรียกร้องรักสงบให้จบสงคราม หรือจะยอมเสียดินแดนไทย ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นผู้แพ้สงครามครั้งนี้ทันที เพราะถ้าดินแดนไทยไม่ได้เป็นของไทยถือว่าไทยเป็นผู้ชนะไม่ได้
“เราสู้เพื่อแผ่นดินเรา ทหารเสียสละ พลีชีพเพื่อชาติแค่ทวงแผ่นดินและอธิปไตยของเราคืน เมื่อรักสงบต้องการหยุดสงครามแล้ว แผ่นดินเราต้องเป็นของเรา ถ้าไม่ใช่ก็ทำสงครามกันต่อไป”
นายจตุพร กล่าวว่า ไทยอยากจบสงครามเช่นกัน แต่จะจบแบบไหน จบแบบยกแผ่นดินให้กัมพูชาหรือจบแบบทวงแผ่นดินไทยกลับคืนมา สงครามที่สู้กันมานั้นเป็นเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดนทั้งสิ้น ถามว่าประเทศไหนในโลกยอมเรื่องดินแดนกันบ้าง สงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือฮามัสกับอิสราเอล ล้วนสู้กันด้วยเรื่องดินแดนทั้งนั้น จนมาถึงไทยกับกัมพูชาสู้กันก็เป็นเรื่องดินแดน การเรียกหาสันติภาพถ้ากัมพูชาคืนดินแดนที่รุกเอาไปให้ไทยก็จบ
“ขณะนี้ไม่มีใครต้องการสู้รบยืดเยื้อ แต่ปัญหาที่เป็นแผ่นดินของไทย ถ้าเป็นคนไทยไม่ว่าเป็นฝ่ายไหน พวกหัวก้าวหน้า พวกรักสันติภาพก็ตาม การจะพูดอะไรควรใส่ใจอารมณ์ของทหารที่เสียสละชีวิต ยอมพลีชีพปกป้องและทวงคืนดินแดนอธิปไตยของไทยจากการยึดครองของกัมพูชา ดังนั้น พรรคการเมืองต้องได้บทเรียนว่า ถ้าพูดเรื่องสงครามไทย-กัมพูชาไม่เข้าหูประชาชนแล้ว อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้”
พร้อมทั้งเตือนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเลือกตั้งในช่วงสงครามยังไม่ยุติว่า กกต.กำลังจัดการเลือกตั้งที่มีปัญหา ถ้ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ขอให้คิดกันเป็นตอนๆ คือ รอเวลาถึงสิ้นปี หรือประเมินการเลือกตั้งท้องถิ่น 11 ม.ค. ถ้าสงครามยังไม่จบย่อมทำให้บรรยากาศอารมณ์เลือกตั้งกับสงครามขัดกัน
"พรรคการเมืองก็มีอารมณ์เปิดตัว ทหารก็จัดงานศพ มันเป็นสองอารมณ์ คนจึงไม่ตัดสินใจ กลัวจะตัดสินกันอีกอย่างที่ไม่ใช่พรรคการเมือง สิ่งนั้นจะเป็นโจทย์ใหญ่ เพราะเป็นกลุ่มคนที่ใหญ่มากที่สุดถึง 47% ถ้าสำแดงพลังก็เป็นแรงเหวี่ยงเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลากหลายมากกับสถานการณ์ข้างหน้า”
ส่วนอดีต สส. ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร เชื่อว่านายไชยา พรหมา และพวกคงเหลืออดกับระบบการเมืองในพรรค ขณะที่นายจตุรนต์ ฉายแสง ลาออกจากประธานยุทธศาสตร์พรรค คงไม่ย้ายออกจากพรรค เพราะเป็นคนมีเกียรติทางการเมือง มีความเป็นตัวตน จึงต้องการหาที่ยืนอยู่ในพรรคอย่างมีศักดิ์ศรี
ประเทศไทยต้องมาก่อน


