xs
xsm
sm
md
lg

"ช่อ-พรรณิการ์" แจ้งความเฟกนิวส์บิดเบือนให้ทหารเปิดแผนการรบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ นำหลักฐานข้อความในเฟซบุ๊กเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอมในโลกออนไลน์ที่ระบุว่า "จะรบกันไปถึงเมื่อไหร่ ทหารต้องกางแผนที่ออกมาและเปิดเผยแผนการรบให้ประชาชนทราบ" ในข้อหา หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งการมาแจ้งความเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ปกป้องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยจะฟ้อง 4 แอ็กเคานต์ คือ แอ็กเคานต์ต้นเรื่อง คือ "เพจหมึกซึม" และบุคคลที่แชร์ต่อ

นางสาวพรรณิการ์ ยืนยันว่า ไม่เคยพูดข้อความในวันและเวลาดังกล่าว เพราะวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ไม่ได้ไปออกรายการไหน นั่งทำงานตลอดทั้งวัน และไม่ได้สัมภาษณ์กับใครเลย ฉะนั้นข้อความนี้เป็นข้อมูลเท็จ และเป็นข่าวปลอม ที่จงใจให้เกิดความเสียหาย เพราะมีคนนำไปแชร์ต่ออีกหลายคน ซึ่งบุคคลที่แชร์ต่อมีทั้งนักการเมืองที่มีตำแหน่งเป็นอดีตโฆษกพรรค / แอ็กเคานต์ IO ทหาร / และอดีตนักดนตรี ที่มีการนำไปแชร์ต่อและลงแคปชันที่บิดเบือน ด่าทอตนเอง ที่ว่า ขายชาติ

นอกจากนี้ มีการนำคลิปจากรายการถกไม่เถียง ที่ตนเองไปออกรายการเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งวันนั้นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลนายอนุทิน และตอนนั้นสถานการณ์ชายแดนยังไม่มีการรบระลอกใหม่และยังไม่มีการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ซึ่งคำพูดที่ถูกนำมาบิดเบือนนั้นคือต้องการให้ "รัฐบาลอนุทินกางแผนปราบสแกมเมอร์ และที่บอกว่าจะรบให้จบนั้น จบอย่างไร แต่ไม่ต้องบอกรายละเอียดแผนที่การรบ ไม่อยากทราบ เพราะถ้าต้องบอกละเอียดจะทำให้คู่กรณีทราบ" ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกนำไปตัดต่อบิดเบือนคำพูดที่ตนเองพูดทันทีว่าไม่อยากทราบแต่ก็ถูกตัดต่อออกไป

นางสาวพรรณิการ์ ขอให้ประชาชนไตร่ตรองว่าทำไมพรรคประชาชนถึงถูกจับคู่ให้อยู่ฝั่งฮุน เซน ทำไมถึงใส่ร้ายให้เป็นคนพวกขายชาติ ให้ไทยเสียเปรียบ อยากจะขอให้ประชาชนมองย้อนกลับไปตั้งแต่พรรคก้าวไกล ที่ฮุน เซน กลัวว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้ง จึงปล่อยเฟกนิวส์ว่า พิธา จะผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกประเทศ ตนเองมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศไทยในปี 2566 ซึ่งเรื่องนั้นก็จบไปเพราะว่าพรรคก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ตนเองอยากจะสื่อว่า พรรคประชาชน เป็นคนที่ออกมาเปิดโปงเรื่อง เบน สมิธ และการที่เปิดโปงภาพถ่ายกับนักการเมืองต่าง ๆ แทบจะหมดประเทศที่ถ่ายรูปคู่กับฮุน เซน แต่ทำไมคนที่ออกมากลับถูกกระบวนการใส่ร้ายป้ายสีสร้างเฟคนิวส์ ทั้งนี้ ต้องการขอความเป็นธรรมและขอให้พี่น้องประชาชนไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับ เพราะในระยะเวลาที่ใกล้สู่การเลือกตั้ง จะมีเฟกนิวส์ หรือ ขบวนการ IO ออกมาเรื่อยๆ รวมถึงฝากไปถึง กกต. ให้เข้ามาจัดการเรื่องเฟกนิวส์ข้อมูลเท็จให้เหมือนกับการซื้อเสียง กกต. ควรจับการซื้อเสียง

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงทหารแนวหน้าหรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า ขอพูดตรงๆ จากใจ ว่า ในขณะที่พี่น้องทหารแนวหน้าต้องเผชิญความเสี่ยงเหยียบกับระเบิดแทบทุกวัน ต้องเสียสละชีวิตและรอคอยอยู่ที่บ้าน มีทหารจำนวนไม่น้อยที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสู้รบที่ผ่านมา แต่กลับยังมี "IO ทหาร" บางกลุ่มที่กระทำการเช่นนี้ อยากถามว่า ได้คำนึงถึงพี่น้องทหารแนวหน้าที่พลีชีพไปหรือไม่ และสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น คือหน้าที่ของทหารจริงหรือไม่ หน้าที่ของทหารที่แท้จริงซึ่งพี่น้องประชาชนทั้งประเทศชื่นชม คือการเสียสละ ปกป้องประเทศชาติ ต้องจากครอบครัว ลูก เมีย และบ้านเรือน ไม่ใช่การปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังให้กับพรรคการเมือง ซึ่งไม่ใช่ภารกิจของทหารแต่อย่างใด

ในฐานะที่ตนเองเป็นกรรมาธิการด้านความมั่นคง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาแล้วกว่า 2 ปี ทำงานร่วมกับทหารในทุกระดับ และพบว่าทุกคนมีจุดยืนร่วมกัน คือ ผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครตั้งคำถามว่าจะต้องปกป้องประชาชนหรือไม่ เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปกป้อง และต้องสนับสนุนให้ทหารแนวหน้ามีกำลังรบและงบประมาณที่เพียงพอ เนื่องจากอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อ เราไม่มีเงินนอกระบบหรือเงินผิดกฎหมายเหมือนบางฝ่าย เราทำทุกอย่างเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านอาหารของทหารแนวหน้า

สถานการณ์ชายแดน แม้วันนี้อาจหยุดการสู้รบ แต่ในอนาคตก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งอีก ชายแดนจะปลอดภัยได้อย่างไร ขณะที่กับระเบิดยังคงมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการกู้ให้หมด ตนและคณะกรรมาธิการจึงพยายามผลักดันการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบตรวจจับ เพื่อลดความเสี่ยง และลดจำนวนทหารที่ต้องออกลาดตระเวนในพื้นที่อันตราย

พร้อมยืนยันว่า ทุกการให้สัมภาษณ์ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไม่เคยพูดถึงการรบ ข้อมูลแผนที่ หรือข้อมูลอ่อนไหวใด ๆ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล และยืนยันว่า ไม่มีใครต้องการไปเข้าข้างฮุนเซน แต่อย่างใด

เมื่อถามว่าการมาฟ้องนั้นเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเสรี หรือไม่ บอกว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่ถูกด่ามากที่สุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกด่า แต่ไม่เคยฟ้องใคร ยกเว้น นางสาวปารีณา ที่มากล่าวหาว่าตนเองเป็นพวกเดียวกับที่วางระเบิดในกรุงเทพฯ ครั้งนั้นที่ฟ้องก็บอกว่าเป็นเรื่องที่รุนแรง จึงฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ รวมถึงครั้งนี้ก็จะเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองและปกป้องการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่เป็นจริง เพราะเฟกนิวส์ครั้งนี้ไม่ใช่ฟรีสปีด ตนเองจะฟ้องหมด ไม่ว่าใครที่เป็นคนแชร์

ส่วนกรณีที่เพจของ "ดัง พันกร" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้านคน ได้มีการแชร์ข่าวปลอมนี้ด้วยนั้น นางสาวพรรณิการ์ ระบุว่า เข้าไปคอมเมนต์ชี้แจงในเพจคุณดังแล้ว และหวังว่าประชาชนที่เข้าไปติดตามในเพจคุณดังจะได้เห็นข้อเท็จจริง ส่วนตัวคุณดังจะว่าอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของคุณดัง และยืนยันว่าตนจะไม่ฟ้องคุณดังแน่สบายใจได้