xs
xsm
sm
md
lg

กต.ลั่น! ไทยให้คุณค่าทหารมากกว่าเขมร ย้ำสันติภาพต้องมาพร้อมความปลอดภัยของคนไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาในขณะนี้ว่า การคุ้มครองคนไทยในกัมพูชา ตามที่ฝ่ายกัมพูชาประกาศระงับการเดินทางข้ามแดนทางบกไม่ให้คนไทยสามารถข้ามแดนกลับไทยได้ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสืออีกฉบับถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อห่วงกังวลถึงเรื่องนี้ว่า มาตรการดังกล่าวละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลพลเรือนในระหว่างสงคราม รวมถึงพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาเวียนนา ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ปี ค.ศ. 1963 โดยไทยได้เรียกร้องให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประประชาชาติ กำชับให้ฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะคนไทยในกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการออกเอกสารเดินทาง การอำนวยความสะดวกในการเดินทางในกัมพูชา การหาที่พักชั่วคราว การออกบัตรโดยสารเครื่องบิน และการประสานกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อให้ออกใบอนุญาตออกนอกประเทศ หรือ Exit Permit ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมเป็นต้นมา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ ได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในกัมพูชาให้เดินทางกลับประเทศไทย จนถึงปัจจุบันมีผู้เดินทางกลับไทยแล้วกว่า 400 คน และยังติดต่อคนไทยในเครือข่ายเพื่อสอบถามความปลอดภัยและแจ้งเตือนให้เดินทางกลับไทยอย่างต่อเนื่อง

สำหรับคนไทยที่เมืองปอยเปต สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ ได้มีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อให้คนไทยที่ประสงค์เดินทางกลับไทยสามารถเดินทางกลับไทยทางบกได้ แต่ได้รับการปฏิเสธ

นายนิกรเดช กล่าวว่า หลังจากมีการประกาศระงับการเดินทางข้ามแดนทางบก สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ได้ประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มคนไทย ให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เดินทางกลับไทยทางเครื่องบิน และสอบถามเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ตามเว็บไซต์ safe.consular.co.th ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังมีผู้ลงทะเบียนค่อนข้างน้อย ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว สถานทูตได้พยายามติดต่อตรง แต่ติดต่อไม่ได้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่ลงทะเบียนแล้วและผู้ที่กำลังจะลงทะเบียน ระบุหมายเลขโทรศัพท์ หรือช่องทางติดต่อที่สามารถติดต่อได้ไว้ด้วย

ส่วนกรณีที่มีข่าวเรื่องการจัดเที่ยวบินพิเศษ นายนิกรเดช กล่าวว่า สายการบินพาณิชย์ตามเส้นทางปกติยังมีที่ว่างค่อนข้างมาก จึงยังใช้สายการบินพาณิชย์เป็นทางเลือกแรก เนื่องจากรวดเร็วกว่า มีความสะดวก และยืดหยุ่นในเรื่องเวลา กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับสายการบินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องใช้การเช่าเหมาลำ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน

ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งมีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีล่าสุด กระทรวงกลาโหมของกัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้เครื่องบินรบ F-16 ทิ้งระเบิด 2 ลูก ในเมืองปอยเปต ขอย้ำว่า เป้าหมายของการปฏิบัติการทางอากาศของฝ่ายไทยคือการทำลายขีปนาวุธ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองปอยเปต ทุกภารกิจของฝ่ายไทยผ่านการกลั่นกรองหลายชั้น ทั้งในด้านข่าวกรองการทหาร คำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศ และมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือนอย่างเคร่งครัด เป้าหมายของไทยคือเป้าหมายทางการทหารที่มีการยืนยันแล้วเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกัมพูชากลับเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าไปใกล้กับพื้นที่ของพลเรือน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อประชาชนของตนเอง และขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ส่วน Fake news ที่สื่อกัมพูชารายงานว่ามีทหารไทยเสียชีวิตจากการปะทะกว่า 5,000 นาย และมีการนำเสนอภาพที่จัดทำขึ้นด้วย AI นายนิกรเดช ชี้แจงว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งข้อมูลของกองทัพไทยได้รวบรวมและตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับคุณค่าต่อชีวิตของวีรชนของเราที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศอย่างกล้าหาญ โดยมีการเยียวยา ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอย่างเหมาะสม ในทางกลับกัน ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ให้ค่าใดๆ กับทหารผู้เสียสละ

นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยจะมีผู้แทนฝ่ายทหารร่วมเป็น คณะผู้แทนไทย ซึ่งประเทศไทยพร้อมเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ เพราะไทยไม่ได้ปิดกั้นการพูดคุยในกรอบอาเซียน และเชื่อมั่นว่ากลไกอาเซียนจะสามารถมีบทบาทที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานข้อเท็จจริง โดยไทยจะใช้เวทีของการประชุมครั้งนี้เพื่อชี้แจงให้สมาชิกอาเซียนทราบในข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไทยจะแจ้งจุดยืนโดยเฉพาะปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ 1. กัมพูชาจะต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน 2. การหยุดยิงกับกัมพูชาจะต้องเกิดขึ้นจริงและอย่างต่อเนื่อง 3. ฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่วมเก็บกู้ระเบิดกับฝ่ายไทยอย่างจริงจัง ซึ่งข้อนี้ยังไม่มีมีการบรรลุเงื่อนไขใดๆ

นายนิกรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยยังยืนยันและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องอาศัยความจริงใจและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงจากกัมพูชา หากจะมีการหารือเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงขึ้น สองฝ่ายนั่นคือไทยและกัมพูชา และจะต้องมาจากการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ของทหารฝ่ายเรา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าหลักการพื้นฐานสำคัญในการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ของฝ่ายไทยจะไม่เปลี่ยนแปลง จะยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย และย้ำว่า ประเทศไทยปรารถนาจะเห็นสันติภาพ แต่สันติภาพนั้นจะต้องมาจากความพร้อมกับความปลอดภัยของประชาชน และจะต้องเป็นสันติภาพที่มีความยั่งยืน