xs
xsm
sm
md
lg

"เทพไท"วิเคราะห์ 5 สาเหตุนักการเมืองยุคนี้ย้ายพรรค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า สันดานของนักการเมืองยุคนี้

ช่วงนี้เราจะเห็นความเคลื่อนไหวทางการเมือง ของพรรคการเมืองต่างๆ คึกคักเป็นพิเศษ มีพรรคการเมืองหลายพรรคเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น บางพรรคมีกิจกรรมอบรมสัมมนาผู้สมัคร ส.ส.ทั้งในระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ แต่ที่น่าสนใจมีผู้สมัคร ส.ส.จำนวนหนึ่งที่เป็นส.ส.เก่า และย้ายมาจากพรรคการเมืองเดิม มาสังกัดพรรคการเมืองใหม่ โดยมีข้ออ้างถึงปัจจัยในการย้ายพรรค คือ

1.เลือกพรรคที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล เพราะการเป็น ส.ส.ในสังกัดฝ่ายรัฐบาล มีโอกาสช่วยเหลือประชาชน นำงบประมาณลงพื้นที่ และสามารถที่จะหาประโยชน์จากการเป็นฝ่ายรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่างๆ หรือการใช้อำนาจแฝง เพราะการเป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง จึงไม่มี ส.ส.คนใด อยากจะลงสมัครในพรรคที่มีโอกาสเป็นฝ่ายค้าน จะเลือกพรรคที่มีโอกาสเป็นรัฐบาลสูงมากกว่า

2.คำนึงถึงเงินทุนสนับสนุนจากพรรคการเมือง เราจะเห็นได้ว่ามีการย้ายจากพรรคการเมืองเดิม ที่เป็นพรรคการเมืองเล็ก มีเงินทุนสนับสนุนน้อย ไปสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ที่มีเงินทุนสนับสนุนมาก จะไม่มีการย้ายจากพรรคการเมืองใหญ่มาสู่พรรคการเมืองเล็กเลย จึงทำให้เห็นว่าส.ส.ที่ย้ายพรรคคำนึงถึงเงินทุนมากที่สุด เพราะเงินทุนเป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้ง

3.คำนึงถึงอำนาจรัฐหรืออำนาจนอกระบบ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือในการเลือกตั้ง เพราะระหว่างที่มีการรณรงค์หาเสียงกัน อาจจะชิงไหวชิงพริบ มีความได้เปรียบเสียเปรียบกันในการหาเสียง ถ้าอำนาจรัฐอยู่ในฝ่ายพรรคการเมืองที่สังกัด ก็สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองได้

4.จะต้องเลือกพรรคที่มีคอนเน็คชั่นกับองค์กรอิสระ เพราะถ้าหากว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็สามารถวิ่งเต้น ล็อบบี้องค์กรอิสระได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระที่ให้คุณให้โทษกับการเลือกตั้ง จึงเลือกพรรคการเมืองที่เชื่อว่าสามารถที่จะช่วยเหลือ วิ่งเต้นหรือสั่งการให้รอดจากข้อหา หรือคำร้องเรียน หรือการทุจริตในการเลือกตั้งได้

5.เลือกพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองใหญ่ มีนักการเมืองหลายคนสนใจ ถ้าได้สังกัดพรรคการเมืองนี้แล้วก็เป็นการตัดคู่แข่งคนอื่นๆที่สมัครเข้ามาแข่งขันออกไป หรือจะเรียกว่าการฮั้วทางการเมือง หรือสมประโยชน์ทางการเมืองก็เป็นไปได้

การที่นักการเมืองย้ายพรรคเป็นจำนวนมาก ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนักการเมืองขายตัวบ้างนักการเมืองโสเภณีบ้าง นักการเมืองที่ไร้ซึ่งอุดมการณ์บ้าง แต่นักการเมืองเหล่านี้ ก็จะมีข้ออ้างในการย้ายพรรคคือ

1.ย้ายพรรคเพราะอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งเป็นข้ออ้างให้ดูดีเท่านั้น แต่ในข้อเท็จจริงแล้วการย้ายพรรคบ่อยๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอุดมการณ์ บางคนเลือกตั้งทุกครั้งย้ายพรรคทุกครั้ง และไม่ได้คิดถึงอุดมการณ์เลย เมื่อไม่พอใจพรรคเก่าก็เร่ไปหาพรรคใหม่ เปลี่ยนพรรคเป็นว่าเล่น ถ้าหากยึดมั่นอุดมการณ์จริง คงจะไม่เปลี่ยนพรรคบ่อย หรือเปลี่ยนพรรคมากเหมือนที่นักการเมืองในยุคปัจจุบันทำอยู่

2.จะอ้างว่ามีปัญหากับพรรคการเมืองเก่า เพราะพรรคการเมืองเก่าไม่สนับสนุน อยู่ไปก็ขัดแย้งกับผู้บริหาร ขัดแย้งกับเพื่อนในพรรค มักจะอ้างว่า“คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก” อยากไปอยู่ในพรรคที่อยู่แล้วสบายใจ

3.จะอ้างว่าเมื่อสังกัดพรรคการเมืองใหม่แล้ว จะมีโอกาสทำงานให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มากกว่า สามารถนำโครงการนำผลประโยชน์ หรือดูแลประชาชนในสารทุกข์สุกดิบได้มากกว่าพรรคการเมืองเดิม

4.จะอ้างเรื่องเสียงเรียกร้องจากพื้นที่ จากหัวคะแนนว่า อยากจะให้สังกัดพรรคการเมืองนี้ ดีกว่าการสังกัดพรรคการเมืองเก่า ซึ่งไม่มีกระแสนิยมทำให้หาเสียงยาก จึงจำเป็นต้องย้ายพรรค ไปหาพรรคการเมืองใหม่

ทั้งหมดนี้คือข้ออ้างของนักการเมือง นักเลือกตั้งในยุคนี้ จะฟังขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะจับได้ไล่ทันหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของประชาชนในแต่ละพื้นที่ แต่ปัจจัยชี้ขาดของการย้ายพรรคที่สำคัญมากที่สุด ก็คือเงินทุนการสนับสนุนจากพรรคการเมือง การพูดถึงราคาค่าตัวนักการเมืองยุคนี้ เกรด A ราคา 80 ล้านบาท เกรดบี ราคา 50 ล้านบาท เกรด C ราคา 30 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกินความจริงมากนัก

จึงทำให้เห็นการตัดสินใจของนักการเมืองในยุคนี้ แม้ว่าจะอ้างเรื่องอุดมการณ์เป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง จะอ้างเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของเงินทุนในการเลือกตั้งมากกว่าอุดมการณ์