นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า วิเคราะห์แคนดิเดตนายกฯ 4 พรรค
หลังจากคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือกกต. ได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ คือประกาศให้มีการเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ทำให้พรรคการเมืองต่างๆ เริ่มเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ในแต่ละจังหวัด รวมถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆด้วย
ผมจะขออนุญาตวิเคราะห์รายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆ ดังนี้
1.พรรคพรรคเพื่อไทย มีการเปิดตัว ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เหตุผลของการเปิดตัวแคนดิเดต3คนนี้ น่าจะมาจากการที่ ดร.ยศชนัน ซึ่งเป็นลูกชายของนายสมชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งนางเยาวภาเป็นน้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทยต้องการจะให้คนในครอบครัวชินวัตร หรือสายเลือดชินวัตร มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็นของนายทักษิณ ชินวัตร และตระกูลชินวัตรยังไม่ทอดทิ้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณส่งหลานชายมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นการยืนยันการันตีว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นของนายทักษิณอยู่ ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แม้ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่า แต่เป็นตู้เอทีเอ็มประจำพรรค เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค ต้องการที่จะผูกมัดเอาไว้ให้กลุ่มของนายสุริยะและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เพื่อลบภาพในอดีตว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่เคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเลย ครั้งนี้นายจุลพันธ์จึงได้สิทธิ์นั้น แต่ทั้งนายจุลพันธ์และนายสุริยะ ก็เปรียบเสมือนดาราตัวประกอบ เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริง คือ ดร.ยศชนัน ซึ่งเป็นหลานของนายทักษิณอย่างไรก็ตาม “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ”เป็นของธรรมดา
2.พรรคประชาชน ซึ่งเคยมีบทเรียนมาแล้วในอดีต มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ก็ทำให้เสียสิทธิ์ที่จะเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คราวนี้จึงเปิดตัว3คน คือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล และนายนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ซึ่งมี2คนติดคดีแก้ไขมาตรา 112 การเสนอตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี3คนเพื่อกันเหนียว ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองคุณณัฐพงษ์และนางสาวศิริกัญญา โดนคดีแก้ไขมาตรา112 ก็ยังเหลือนายวีระยุทธอีกคนหนึ่ง การเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค3คน เพื่อเติมเต็มคะแนนของหัวหน้าพรรคที่หายไป เพราะจากผลการสำรวจของนิด้าโพล จะเห็นว่าคะแนนนิยมของพรรคประชาชน ทิ้งห่างคะแนนนิยมของนายณัฐพงษ์พอสมควร การที่มีนางสาวศิริกัญญาและนายวีระยุทธเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะดึงคะแนนกลุ่มแฟนคลับ กลุ่มผู้หญิงของนางสาวศิริกัญญา และกลุ่มนักธุรกิจ นักวิชาการสายของนายวีรยุทธเข้ามาแทน เพื่อเติมเต็มให้คะแนนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกับคะแนนของพรรคไปในทิศทางเดียวกัน
3.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งที่ผ่านมาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีเพียงคนเดียว คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล แต่ครั้งนี้นายอนุทินประกาศว่า มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส และนางศุภจี สุธรรมพันธ์ มาเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่ตอบรับว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ แต่เหตุที่ประกาศชื่อ2คนนี้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อหวังคะแนนของคนกรุงเทพ และชนชั้นกลาง เพราะทั้ง2คนมีภาพลักษณ์ที่ดี ประกอบกับต้องการให้เป็นตัวแทนในการขึ้นเวทีดีเบตกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ซึ่งนายอนุทินมีจุดอ่อนในเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าหากไม่มีตัวแทนขึ้นไปดีเบตเรื่องเศรษฐกิจ ก็อาจจะตกม้าตายบนเวทีได้ จึงใช้วิธีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เป็นนักธุรกิจ และมีความรู้ทางเศรษฐกิจมาเป็นเป็นตัวแทน เพื่อให้เป็นตัวแทนในการขึ้นเวทีดีเบต
4.ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะเปิดเผยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า และก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะืก็เคยเปรยออกมาว่า จะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี3คน ซึ่งขัดต่อประเพณีปฏิบัติของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวมาโดยตลอด
ผมในฐานะศิษย์เก่าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรจะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเหมือนเดิม คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ครบเครื่อง มีความรู้เรื่องการเมือง เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสังคม เรื่องความมั่นคง ถ้าหากจะมีการดีเบตกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคอื่นๆ นายอภิสิทธิ์สู้ได้สบายมาก ไม่เสียเปรียบใคร จึงไม่จำเป็นต้องมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกสองคนเป็นตัวช่วยให้มันเกะกะ ควรเจาะเป้าลงไปว่า นายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อให้สังคมมั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์มีหนึ่งเดียวเท่านั้น และประกอบกับการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่ในฐานะขั้วการเมือง เป็นเพียงพรรคท็อปไฟว์ การเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็น่าจะเพียงพอ
จึงขออนุญาตวิเคราะห์แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 พรรค และแถมอีกหนึ่งพรรค คือพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปด้วย


