นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า แนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจ กล้าใช้งบประมาณเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยไม่ต้องกังวลต่อการตรวจสอบของ สตง. หากดำเนินการด้วยความสุจริต โปร่งใส และมุ่งประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงและยกเลิกระเบียบที่เป็นอุปสรรค หรือซ้ำซ้อนจำนวนมาก เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันทีโดยการช่วยเหลือกรณีประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน มีหลักเกณฑ์ปฏิบัติ ดังนี้
หน่วยงานของรัฐสามารถใช้เงินทดรองราชการได้ทันที ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2568 วงเงินทดรองราชการที่สามารถนำมาช่วยเหลือได้ เช่น
- สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้วงเงินได้ไม่เกิน 100 ล้านบาท
- ส่วนราชการระดับจังหวัด ใช้วงเงินได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถอนุมัติใช้เงินทดรองราชการได้ทันทีในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท แม้ยังไม่มีการประกาศภัยพิบัติ หากคาดว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินในระยะใกล้ เช่น การเตรียมอพยพ การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม หรือสาธารณูปโภคจำเป็น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 สามารถใช้เงินสำรองจ่ายช่วยเหลือได้ทันที หากไม่เพียงพอสามารถโอนงบประมาณเหลือจ่าย หรือใช้เงินสะสมได้โดยไม่จำกัดวงเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานะการคลังของแต่ละแห่ง
หลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายเป็นมาตรฐานเดียวกัน : อัตราการช่วยเหลือเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 เช่น จัดหาน้ำดื่มไม่มีกำหนดวงเงิน ค่าอาหาร 3 มื้อไม่เกินมื้อละ 50 บาท ค่าถุงยังชีพไม่เกิน 700 บาทต่อครอบครัว ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยกรณีเสียหายทั้งหลังไม่เกิน 49,500 บาท และค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ ไม่เกิน 11,400 บาทต่อครอบครัว
จัดซื้อจัดจ้างกรณีเร่งด่วนได้อย่างคล่องตัว กรณีจำเป็นเร่งด่วน สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ก่อน แล้วจัดทำเอกสารย้อนหลังภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อลดขั้นตอนและให้ทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามหนังสือเวียนกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 804 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568
ลดภาระเอกสารประชาชน หน่วยงานของรัฐไม่ควรเรียกสำเนาเอกสารไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้านจากผู้ประสบภัยเป็นการเพิ่มภาระประชาชน แต่หน่วยงานของรัฐอาจให้ประชาชนยืนยันตัวตนตามข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง หรือเก็บหลักฐานการจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ระบุตัวตนได้ ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท 0810.7/ ว1010 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2563
นอกจากนี้ การจ่ายเงินช่วยเหลือเป็นการโอนเข้าบัญชีธนาคาร หรือระบบ PromptPay โดยตรง สามารถใช้เป็นหลักฐานการจ่าย ตรวจสอบได้ง่ายเพราะสามารถระบุตัวตนผู้รับเงินได้ตามข้อมูลของธนาคาร และลดความเสี่ยงในการทุจริต ปัจจุบัน สตง. มุ่งเน้นการให้คำปรึกษาเพื่อให้มีการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากพบการบกพร่องที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย และไม่มีการทุจริต จะให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงให้ถูกต้อง สตง.พร้อมมีโครงการสัญจร ให้คำแนะนำกับหน่วยรับตรวจเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้ทันท่วงที และเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ปฏิบัติงานทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ขอให้ยึดหลัก "สุจริต โปร่งใส และรวดเร็ว" เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในภาวะฉุกเฉิน


