นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา กรมศุลกากรได้หารือกับหน่วยงานความมั่นคงมาโดยตลอด ซึ่งกรมฯ ได้เข้มงวดการตรวจสอบส่งออกน้ำมัน โดยเฉพาะกัมพูชา ผู้ค้าน้ำมันไทยได้หยุดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง 100% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ทั้งทางบกและทางทะเล โดยปีงบประมาณ 2567 ไทยส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปกัมพูชา 2,229 ล้านลิตร และปีงบประมาณ 2568 จำนวน 1,172 ล้านลิตร
ส่วนกรณีการส่งออกไปยังประเทศลาวนั้น จากการตรวจสอบของกรมศุลกากร ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลจากด่านชายแดนที่เชื่อมต่อไปยังประเทศลาวทั้งหมด เช่น ช่องเม็ก หนองคาย มุกดาหาร พบว่า ปริมาณน้ำมันที่ส่งออกไปประเทศลาวในช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ไม่ได้มีตัวเลขสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และไม่ได้เพิ่มขึ้นในระดับ 5-10 เท่า ตามที่หลายฝ่ายกังวล โดยการส่งออกน้ำมันไปยังช่องเม็ก ในช่วง 3 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 20 ล้านลิตร ได้แก่ เดือนตุลาคม จำนวน 23 ล้านลิตร พฤศจิกายน 25 ล้านลิตร และล่าสุด เดือนธันวาคม 12.5 ล้านลิตร ไม่ได้มีตัวเลขสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนประเด็นที่กังวลว่าน้ำมันเชื้อเพลิงอาจถูกส่งผ่านต่อไปยังประเทศที่สาม โดยเฉพาะกัมพูชา ยืนยันว่า ไม่มีการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังประเทศกัมพูชาอย่างแน่นอน ในทุกโหมดการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางบก หรือทางเรือ แม้ว่าการส่งออกทางเรือจะไม่ได้มีประกาศห้าม แต่ก็ไม่พบข้อมูลการส่งออกไปที่กัมพูชา มีเพียงการส่งออกน้ำมันหล่อลื่นบางส่วนเท่านั้น ที่ไม่ใช่น้ำมันเชื้อเพลิง
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือร่วมกับผู้ค้าและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่ที่ส่งออกน้ำมันไปยังลาวทั้ง 2 บริษัท ได้ยืนยันว่า ปลายทางของสินค้า คือ ประเทศลาว
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบทุกด่านชายแดน เพื่อให้มั่นใจว่าแหล่งที่มาและปลายทางของน้ำมันเป็นไปอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการที่ฝ่ายความมั่นคงจะกำหนด เช่น การหยุดการส่งออกที่ช่องเม็กตามประกาศที่ออกมา เนื่องจากเรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องพิจารณาในหลายด้าน และต้องรับฟังข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงเป็นหลัก


