ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า จากการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมในห้วง 8 วันที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากการปฏิบัติของฝ่ายเราในหลายพื้นที่สำคัญ โดยมีแนวโน้มการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายเราในห้วงเวลา ดังนี้
พื้นที่ช่องบก
ฝ่ายกัมพูชาเร่งเสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับกำลังเข้าสู่การตั้งรับเต็มรูปแบบ มีเป้าหมายชัดเจนในการยึดตรึงกำลังฝ่ายเรา และชะลอการรุกให้ได้นานที่สุด
พื้นที่ช่องอานม้า
ฝ่ายกัมพูชาประสบปัญหาการบังคับบัญชาอย่างรุนแรง สถานการณ์บีบคั้นจนมีแนวโน้มต้องถอนตัวไปยังแนวต้านทานที่ 2 มิฉะนั้นอาจถูกตัดขาดโดยสมบูรณ์
พื้นที่สัตตะโสม – โดนตรวล – ซำแต
ฝ่ายกัมพูชาใช้การยิงสนับสนุนแบบ "ยิงแล้วย้ายฐาน" เพื่อลดความเสี่ยงจากการยิงโต้ตอบของฝ่ายเรา สะท้อนถึงความพยายามเอาตัวรอดท่ามกลางการครองอำนาจการยิงของฝ่ายเรา
พื้นที่พระวิหาร – ห้วยตามาเรีย
ฝ่ายกัมพูชาจำกัดการเคลื่อนไหว ซ่อนพรางกำลังและยุทโธปกรณ์อย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและการทำลายจากอำนาจการยิงของฝ่ายเรา
พื้นที่ภูมะเขือ
จุดตรวจการณ์สำคัญแห่งนี้ถูกฝ่ายกัมพูชาระดมยิงกดดันอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดการตรวจการณ์และการชี้เป้าของฝ่ายเรา
พื้นที่ช่องจอม – ช่องระยี – ปลดต่าง
เส้นทางส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชาถูกตัดขาดอย่างมีนัยสำคัญ พื้นที่ส่วนหลังเริ่มมีความเสี่ยง ซึ่งถือเป็นปัจจัยวิกฤตต่อการดำรงกำลังในพื้นที่แนวหน้า
พื้นที่ช่องคนา
ฝ่ายกัมพูชาพยายามรวมอำนาจการยิงด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เพื่อยิงรบกวน แต่การปฏิบัติดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกตรวจจับและทำลาย ของฝ่ายเรา
พื้นที่ปราสาทตาควาย – เนิน 350
ฝ่ายกัมพูชามีแนวโน้มดำรงการรบแบบหน่วงเวลา ใช้ที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงและยุทธวิธีซุ่มโจมตี เพื่อยึดตรึงกำลังฝ่ายเราและซื้อเวลา
พื้นที่ช่องกร่าง
ฝ่ายกัมพูชายิงฉากป้องกันตามคำขอ เพื่อขัดขวางการรุกของฝ่ายเรา เมื่อเข้าสู่พื้นที่สังหาร ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาฝ่ายเราได้รับความสูญเสีย
พื้นที่ปราสาทตาเมือน
ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียขีดความสามารถในการรบอย่างชัดเจน จากการขาดแคลนอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และยานเกราะ มีแนวโน้มต้องถอนตัว หรืออาจเลือกต้านทานเป็นระลอกสุดท้าย เพื่อรักษาเกียรติภูมิของหน่วย
ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนประชาชนหากพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายซากโดรน และวัตถุที่ตกจากโดรนห้ามเข้าใกล้โดยเด็ดขาด เพราะพบว่ามีการดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งจากถูกแรงกระทบ และสั่งระเบิดจากระยะไกลรวมทั้งระบบไฟฟ้าสถิตในพื้นที่ จนทำให้เกิดการระเบิดหากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหรือสายด่วนความมั่นคง 1374 เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่อไป
พื้นที่ช่องบก
ฝ่ายกัมพูชาเร่งเสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับกำลังเข้าสู่การตั้งรับเต็มรูปแบบ มีเป้าหมายชัดเจนในการยึดตรึงกำลังฝ่ายเรา และชะลอการรุกให้ได้นานที่สุด
พื้นที่ช่องอานม้า
ฝ่ายกัมพูชาประสบปัญหาการบังคับบัญชาอย่างรุนแรง สถานการณ์บีบคั้นจนมีแนวโน้มต้องถอนตัวไปยังแนวต้านทานที่ 2 มิฉะนั้นอาจถูกตัดขาดโดยสมบูรณ์
พื้นที่สัตตะโสม – โดนตรวล – ซำแต
ฝ่ายกัมพูชาใช้การยิงสนับสนุนแบบ "ยิงแล้วย้ายฐาน" เพื่อลดความเสี่ยงจากการยิงโต้ตอบของฝ่ายเรา สะท้อนถึงความพยายามเอาตัวรอดท่ามกลางการครองอำนาจการยิงของฝ่ายเรา
พื้นที่พระวิหาร – ห้วยตามาเรีย
ฝ่ายกัมพูชาจำกัดการเคลื่อนไหว ซ่อนพรางกำลังและยุทโธปกรณ์อย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและการทำลายจากอำนาจการยิงของฝ่ายเรา
พื้นที่ภูมะเขือ
จุดตรวจการณ์สำคัญแห่งนี้ถูกฝ่ายกัมพูชาระดมยิงกดดันอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดการตรวจการณ์และการชี้เป้าของฝ่ายเรา
พื้นที่ช่องจอม – ช่องระยี – ปลดต่าง
เส้นทางส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชาถูกตัดขาดอย่างมีนัยสำคัญ พื้นที่ส่วนหลังเริ่มมีความเสี่ยง ซึ่งถือเป็นปัจจัยวิกฤตต่อการดำรงกำลังในพื้นที่แนวหน้า
พื้นที่ช่องคนา
ฝ่ายกัมพูชาพยายามรวมอำนาจการยิงด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เพื่อยิงรบกวน แต่การปฏิบัติดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกตรวจจับและทำลาย ของฝ่ายเรา
พื้นที่ปราสาทตาควาย – เนิน 350
ฝ่ายกัมพูชามีแนวโน้มดำรงการรบแบบหน่วงเวลา ใช้ที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงและยุทธวิธีซุ่มโจมตี เพื่อยึดตรึงกำลังฝ่ายเราและซื้อเวลา
พื้นที่ช่องกร่าง
ฝ่ายกัมพูชายิงฉากป้องกันตามคำขอ เพื่อขัดขวางการรุกของฝ่ายเรา เมื่อเข้าสู่พื้นที่สังหาร ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาฝ่ายเราได้รับความสูญเสีย
พื้นที่ปราสาทตาเมือน
ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียขีดความสามารถในการรบอย่างชัดเจน จากการขาดแคลนอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และยานเกราะ มีแนวโน้มต้องถอนตัว หรืออาจเลือกต้านทานเป็นระลอกสุดท้าย เพื่อรักษาเกียรติภูมิของหน่วย
ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนประชาชนหากพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายซากโดรน และวัตถุที่ตกจากโดรนห้ามเข้าใกล้โดยเด็ดขาด เพราะพบว่ามีการดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งจากถูกแรงกระทบ และสั่งระเบิดจากระยะไกลรวมทั้งระบบไฟฟ้าสถิตในพื้นที่ จนทำให้เกิดการระเบิดหากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหรือสายด่วนความมั่นคง 1374 เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่อไป


