คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีมติสำคัญในการประชุมครั้งล่าสุด เห็นชอบให้ถอดชื่อ "นกปรอดหัวโขน" หรือ "นกกรงหัวจุก" ออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนาประเทศ
การประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ครั้งที่ 2/2568 จัดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุชาติ ชมกลิ่น) มอบหมายให้นายนิพนธ์ จำนงค์สิริศักดิ์ รองปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานการประชุมฯ
วาระสำคัญที่นำมาพิจารณาคือสถานภาพทางกฎหมายของนกปรอดหัวโขน ที่เน้นการสร้างสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกต่อประชาชนและการสงวนและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ในฐานะเลขานุการฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาที่ละเอียดรอบคอบ ซึ่งมาจากการทำงานของคณะทำงานรวม 4 คณะ ที่แต่งตั้งขึ้นเพื่อประเมินสถานภาพและกำหนดมาตรการรองรับสถานะนกปรอดหัวโขน เน้นการสร้างสมดุล” ระหว่างการอำนวยความสะดวกต่อประชาชนและการสงวนและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
ผลการสำรวจพบว่าประชากรนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติมีการกระจายตัวสูงทั่วประเทศ โดยประเมินจำนวนประชากรในธรรมชาติ มากกว่า 44,421 ตัว และพบการกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติสูงถึง ร้อยละ 51 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าสถานภาพของนกมีปริมาณเพียงพอต่อการดำรงเผ่าพันธุ์ในธรรมชาติ และแนวโน้มคดีการลักลอบล่าก็ไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
จากข้อมูลดังกล่าว ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ถอดชื่อนกปรอดหัวโขนออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมุ่งหวังว่าการดำเนินการนี้จะช่วย ลดแรงจูงใจในการล่านกจากธรรมชาติ ส่งเสริมให้การเพาะเลี้ยงมีความคล่องตัว และเป็นการ สนับสนุนให้เกิดการสร้างรายได้ แก่ผู้เพาะเลี้ยง พัฒนาไปสู่การเป็นสัตว์เศรษฐกิจในอนาคต
แม้จะมีการปลดออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้กำหนดมาตรการรองรับที่เข้มงวด โดยเน้นย้ำว่า การล่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติยังคงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรมอุทยานฯ จะเพิ่มกำลังพลในการป้องกันลาดตระเวน เฝ้าระวัง และปราบปรามการลักลอบล่าในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด หากตรวจพบความเสี่ยงต่อการลดลงของจำนวนประชากรนกปรอทหัวโขนในธรรมชาติ จะมีการนำกลับเข้ามาพิจารณาในคณะกรรมการฯ เพื่อดำเนินการบรรจุเข้าบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดแนวทางควบคุมการเพาะเลี้ยงและการปล่อยนก โดยให้มีการจัดทำมาตรฐานกรงเลี้ยงที่ปลอดภัย การขึ้นทะเบียนฟาร์มเพาะพันธุ์แบบสมัครใจ และการจัดทำเครื่องหมายประจำตัวนกให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้สามารถแยกแยะนกในกรงเลี้ยงและนกในธรรมชาติได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะร่วมมือกับผู้มีชื่อเสียงในวงการเลี้ยงนกจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์นกอย่างเหมาะสม รวมถึงสร้างความรับผิดชอบในการไม่ส่งเสริมการจับนกป่า
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะกรรมการ 3 ชุดเพื่อติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิดหากมีการยืนยันว่ามีภัยคุกคามต่อสถานภาพของนกปรอดหัวโขนเกิดขึ้น จนมีผลกระทบต่อจำนวนประชากรนกในธรรมชาติจะพิจารณานำกลับเข้ามาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอีกครั้งต่อไป
นอกจากวาระนกปรอดหัวโขน ที่ประชุมยังได้พิจารณาและมีมติเกี่ยวกับวาระการกำหนดและเพิกถอนพื้นที่คุ้มครองบางส่วน ได้แก่ การเห็นชอบกำหนดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าโคกสูง และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาสามสิบ จังหวัดสระแก้ว พร้อมทั้งพิจารณาเห็นชอบเพิกถอนพื้นที่บางส่วนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้ในกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา รวมถึงการเพิกถอนเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล จังหวัดกระบี่ บางส่วน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตา
นายอรรถพล เจริญชันษา ยืนยันว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ อย่างเต็มที่ เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างโปร่งใส รอบคอบ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าและพื้นที่ป่าของประเทศอย่างยั่งยืน


