นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รับมอบหมายจากผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสงขลา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม พร้อมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ทั้ง 18 ส่วนงาน ร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายธีรพัฒน์ เปิดเผยว่า วันนี้สถานการณ์การฟื้นฟูพื้นที่อำเภอหาดใหญ่มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด หลังจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยทหาร อาสาสมัครมูลนิธิ และประชาชนจิตอาสา ระดมกำลังคนและเครื่องมือเครื่องจักรเข้าไปเพิ่มเติม เพื่อเดินตามเป้าหมายของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล “7 วันกลับบ้าน 14 วันเมืองสะอาด” ผลการปฏิบัติในภาพรวมทั้ง 4 โซน ซึ่งบูรณาการระหว่างหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก (กองทัพภาคที่ 4) กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม ได้ขนขยะนำทิ้งแล้ว 61,574 ตัน ทำความสะอาดถนนได้ 222.88 กิโลเมตร จากเป้าหมายทั้งหมด 394.3 กิโลเมตร กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ 3,120 คน เครื่องมือเครื่องจักร 494 รายการ จะมีพื้นที่เขตที่ 3 ที่เป็นซอยเล็ก ซอยตัน และมีขยะเป็นจำนวนมาก ทำให้เครื่องจักรใหญ่เข้าพื้นที่ยาก ต้องใช้กำลังพล อส. เคลื่อนย้ายสิ่งปฏิกูล นอกจากนี้พื้นที่เขต 4 ซึ่งรับผิดชอบโดยกระทรวงคมนาคม เมื่อวานนี้ได้ระดมชุดปฏิบัติเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งทุกพื้นที่ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนการปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืน และยืนยันว่าภารกิจการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 14 ธ.ค. 68 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ในส่วนของการติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน สปฉ. 1 (ส่วนงานคมนาคม) กระทรวงคมนาคมรายงานโครงขายคมนาคมที่ได้ผลกระทบ ปัจจุบันเหลือเพียงการซ่อมแซมรางรถไฟ 2 แห่ง ที่ ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา และ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา คาดว่าไม่เกินวันที่ 14 จะเปิดใช้งานได้ปกติ ทางด้าน สปฉ.17 (ส่วนงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ขนย้ายขยะออกจากครัวเรือนไปสี่แยกสะพานดำแล้ว 41,870 และได้ฉีดพ่น EM ตามหลักวิชาการ และได้ร่วมกับเทศบาลนครหาดใหญ่ฉีดพ่นน้ำยาดับกลิ่น เพื่อแก้ปัญหากลิ่นของขยะรอบบริเวณ ขณะที่ สปฉ.8 (ส่วนงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุข) กระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังโรคระบาดที่อาจเกิดหลังน้ำท่วมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ อุจจาระร่วม ฉี่หนู ไข้เลือดออก ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้เดินจุดบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ พร้อมดูแลด้านสุขภาพจิตใจของผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง
“ระยะนี้เราต้องบริหารจัดการภารกิจสำคัญในการจัดการขยะให้สมดุลและทันเวลา รวมทั้งต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ช่วยกันขนและคัดแยกขยะออกจากบ้านก่อน เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการขนย้ายไปยังจุดพักกองชั่วคราวบริเวณสี่แยกสะพานดำ เพื่อไม่ให้มีการทำงานที่ซ้ำซ้อนหลายรอบ จากนั้นหน่วยงานจะขนถ่ายขยะไปกำจัดที่ ต.เกาะแต้ว และกำจัดขยะที่โรงไฟฟ้าขยะที่ อบจ.สงขลา ร่วมกับ บจก.TPI โอลีน เพาเวอร์ ดำเนินการร่วมกัน โดยภารกิจนี้จะทำควบคู่ไปกับการดูแลด้านสุขภาวะแก่ประชาชนและพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องกันโรคที่อาจมากับสิ่งปฏิกูล ส่วนการกำจัดขยะชิ้นใหญ่ เช่น ฟูกที่นอนที่มีสปริงอยู่ข้างใน วัสดุที่เป็นปูนก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ ถ่านไฟฉาย ขอให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ช่วยกันคัดแยกออกก่อนทำการเผา เพื่อไม่เป็นการสร้างมลพิษและอันตรายจากการกำจัดขยะตามระบบ” นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ. กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ปภ. และธนาคาออมสิน ได้โอนเงินให้ผู้ประสบภัยพื้นที่ภาคใต้แล้ว 9 จังหวัด 690,786 ครัวเรือน เฉพาะพื้นที่จังหวัดสงขลา 360,709 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 3,246.381 ล้านบาท และกรณีการจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 2,000,000 บาท ปภ. ได้โอนเงินที่ได้รับจัดสรรให้จังหวัดสงขลาแล้ว 110 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินให้กับทายาทผู้เสียชีวิต ปัจจุบัน จ.สงขลา จ่ายเงินแล้ว 8 ราย และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และขอให้จังหวัดเร่งรัดกระบวนการเพื่อให้ญาติของผู้เสียชีวิตได้รับเงินข่วยเหลือโดยเร็ว ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัว โดยการปฏิบัติขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นและความถูกต้องตามกระบวนการพิสูจน์ของแพทย์
ทั้งนี้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) จะติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสงขลาอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นคืนพื้นที่ให้กับประชาชนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้เร็วที่สุด


