บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC วันที่ 9-10 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2568 จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอลง
โดยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนพฤศจิกายน 2568 หดตัว 32,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง นอกจากนี้ ภาคการผลิตสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายน 2568 หดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการออกมาต่ำกว่าคาด แม้ยังทรงตัวอยู่ในแดนขยายตัว
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าในปี 2569 เฟดมีแนวโน้มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 3 ครั้ง สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะชะลอลงจากฝั่งการบริโภคภาคครัวเรือน
นอกจากนี้ การสิ้นสุดวาระของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนพฤษภาคม 2569 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดต้องจับตา เนื่องจากจุดยืนทางนโยบายของประธานเฟดคนใหม่อาจส่งผลต่อเส้นทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป
ในปี 2569 ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะชะลอลงจากฝั่งการบริโภคภาคครัวเรือน โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อยแม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น (resilient) อยู่พอสมควรจากแรงขับเคลื่อนของการลงทุนภาคเอกชน (capex) อย่างไรก็ดี ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีหน้าจะยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการของข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นสำคัญ รวมถึงความเสี่ยงจากนโยบายการคลังและสภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน


