นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย พร้อมด้วยผู้บริหารสมาคมฯ และผู้แทนสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย ร่วมแถลงสถานการณ์อุตสาหกรรมกุ้งไทยและความเสียหายจากมหาอุทกภัยภาคใต้ โดยระบุว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา สตูล และปัตตานี สร้างความเสียหายรุนแรงให้ผู้เลี้ยงกุ้งจำนวนมาก ถึงขั้นหมดตัว จากการสูญเสียทั้งกุ้งในบ่อ เครื่องตีน้ำเติมอากาศ และอุปกรณ์ฟาร์มที่ถูกน้ำท่วมเสียหายเกือบทั้งหมด โดยสมาคมฯ ประเมินเบื้องต้นว่า ความเสียหายในภาพรวมมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยผลผลิตกุ้งจากพื้นที่ประสบภัยคิดเป็นประมาณ 10% ของผลผลิตประเทศ ทำให้ผลผลิตรวมของปี 2568 ซึ่งอยู่ที่ราว 270,000 ตัน ซึ่งกระทบกับผลผลิตรวมช่วงปลายปีนี้แน่นอน
ปีนี้ผู้เลี้ยงกุ้งต้องรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนตั้งแต่ต้นปี ปริมาณฝนสูง คุณภาพน้ำผันผวน และการระบาดของโรคกุ้ง เช่น โรคขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว ทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องจับกุ้งก่อนกำหนด แม้ก่อนหน้านี้ราคากุ้งครึ่งปีแรกอยู่ในระดับดีจากการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นราว 15% ของผลผลิตทั้งหมด แต่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ซ้ำเติมภาคการผลิตอย่างหนัก
สมาคมกุ้งไทยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสำรวจความเสียหาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งจัดงบฟื้นฟูช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในภาคใต้ ทั้งการสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์เพาะเลี้ยงใหม่ การซ่อมแซมฟาร์ม และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู รวมทั้งมาตรการชะลอดอกเบี้ยเนื่องจากบางรายกู้เงินมาลงกุ้ง แล้วผลผลิตไหลไปกับน้ำทั้งหมด การช่วยเหลือดังกล่าวจะทำให้ผู้เลี้ยงสามารถกลับเข้าสู่ระบบการผลิตได้ทันรอบเลี้ยงปีหน้า
พร้อมกันนี้ สมาคมฯ เสนอให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับมาเป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าผลผลิตปี 2569 เพิ่มขึ้นเป็น 400,000 ตัน ผ่านการยกระดับระบบฟาร์ม บริหารจัดการโรคอย่างเป็นระบบ และเตรียมความพร้อมสู่มาตรฐานกุ้งยั่งยืน (ASC) รวมถึงผลักดันโครงการกุ้งคาร์บอนต่ำซึ่งต้องการให้กระทรวงพลังงานมาสนับสนุน เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ขณะที่นายปรีชา สุขเกษม อุปนายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้ ว่า ผู้เลี้ยงกุ้งจำนวนมากเดือดร้อนหนักจากน้ำท่วมครั้งนี้ ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อให้กลับมาเลี้ยงกุ้งได้ทันรอบหน้า นอกจากความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนแล้ว ในอนาคตที่มีแนวโน้มว่าเกษตรกรในทุกพื้นที่มีโอกาสต้องเผชิญภัยพิบัติเช่นนี้อีก กรมประมงซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรออกคำแนะนำการป้องกันและเตรียมรับมือภัยพิบัติเนื่องจากกุ้งแต่ละบ่อมูลค่านับล้านบาทจึงต้องมีแนวทางช่วยเกษตรกรไม่ให้ต้องเผชิญความเสียหายหนักเช่นนี้ซ้ำอีก
ปีนี้ผู้เลี้ยงกุ้งต้องรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนตั้งแต่ต้นปี ปริมาณฝนสูง คุณภาพน้ำผันผวน และการระบาดของโรคกุ้ง เช่น โรคขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว ทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องจับกุ้งก่อนกำหนด แม้ก่อนหน้านี้ราคากุ้งครึ่งปีแรกอยู่ในระดับดีจากการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นราว 15% ของผลผลิตทั้งหมด แต่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ซ้ำเติมภาคการผลิตอย่างหนัก
สมาคมกุ้งไทยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสำรวจความเสียหาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งจัดงบฟื้นฟูช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในภาคใต้ ทั้งการสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์เพาะเลี้ยงใหม่ การซ่อมแซมฟาร์ม และมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู รวมทั้งมาตรการชะลอดอกเบี้ยเนื่องจากบางรายกู้เงินมาลงกุ้ง แล้วผลผลิตไหลไปกับน้ำทั้งหมด การช่วยเหลือดังกล่าวจะทำให้ผู้เลี้ยงสามารถกลับเข้าสู่ระบบการผลิตได้ทันรอบเลี้ยงปีหน้า
พร้อมกันนี้ สมาคมฯ เสนอให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยกลับมาเป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งเป้าผลผลิตปี 2569 เพิ่มขึ้นเป็น 400,000 ตัน ผ่านการยกระดับระบบฟาร์ม บริหารจัดการโรคอย่างเป็นระบบ และเตรียมความพร้อมสู่มาตรฐานกุ้งยั่งยืน (ASC) รวมถึงผลักดันโครงการกุ้งคาร์บอนต่ำซึ่งต้องการให้กระทรวงพลังงานมาสนับสนุน เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ขณะที่นายปรีชา สุขเกษม อุปนายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวในนามของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้ ว่า ผู้เลี้ยงกุ้งจำนวนมากเดือดร้อนหนักจากน้ำท่วมครั้งนี้ ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อให้กลับมาเลี้ยงกุ้งได้ทันรอบหน้า นอกจากความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนแล้ว ในอนาคตที่มีแนวโน้มว่าเกษตรกรในทุกพื้นที่มีโอกาสต้องเผชิญภัยพิบัติเช่นนี้อีก กรมประมงซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรออกคำแนะนำการป้องกันและเตรียมรับมือภัยพิบัติเนื่องจากกุ้งแต่ละบ่อมูลค่านับล้านบาทจึงต้องมีแนวทางช่วยเกษตรกรไม่ให้ต้องเผชิญความเสียหายหนักเช่นนี้ซ้ำอีก


