นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดิมประเมินเบื้องต้นหากสถานการณ์น้ำท่วมจบใน 1 สัปดาห์ จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท โดยแยกเป็นความเสียหายเชิงรายได้ทางเศรษฐกิจ เช่น ภาคการผลิตสินค้า การขนส่ง การท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอยประชาชน 7,000 ล้านบาท และอีกส่วนเป็นความเสียหายทรัพย์สินที่ต้องฟื้นฟู 3,000 ล้านบาท แต่ถึงขณะนี้สถานการณ์ท่วมขยายพื้นที่และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินจำนวนมากกว่าที่คาดไว้ รวมถึงหลังน้ำท่วมลดลง แต่จากสภาพบ้านเรือน อาคาร และเขตเศรษฐกิจ ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานพอสมควร และความเสียหายเกินที่ประเมินไว้ ซึ่งในโซนภาคใต้ มีทั้งด้านอุตสาหกรรมอาหารและด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า โรงงานแปรรูปอาหารจำนวนมาก ในจ.สงขลา จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และจ.ตรัง มีทั้งกระทบโดยตรง ส่วนที่ไม่ได้ถูกน้ำเข้าตัวอาคารโดยตรง แต่กลับได้รับผลกระทบจากการสะดุดห่วงโซ่การผลิต ได้แก่ วัตถุดิบจากเกษตรกรไม่สามารถส่งเข้าโรงงานได้ เนื่องจากถนนถูกตัดขาด พนักงานไม่สามารถเดินทางเข้าที่ทำงานได้ตามปกติ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ต้องส่งออกถูกเลื่อนและส่งมอบล่าช้า ต้นทุนขนส่งเร่งด่วนเพิ่มขึ้นหลังน้ำลด และอาจมีค่าปรับส่งมอบ (Penalty) สำหรับสินค้าออเดอร์ต่างประเทศ ดังนั้น ผลกระทบของภาคอาหารภาคใต้ไม่ใช่การสูญเสียทรัพย์สินเป็นหลัก แต่คือต้นทุนที่สูงขึ้นและความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือในตลาดส่งออก


