เพจ Pr.Songkhla ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา" โพสต์ระบุว่า สถานการณ์น้ำสงขลาน่าเป็นห่วง จังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติแล้วทั้ง 16 อำเภอ ด้านผู้ว่าฯ สั่งอพยพประชาชนด่วน! เน้นกลุ่มเปราะบาง พร้อมประสานหน่วยทหาร พลเรือน อปท. มูลนิธิฯ เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือ ย้ำ! ชีวิตประชาชนต้องมาก่อน
จังหวัดสงขลาเผชิญสถานการณ์อุทกภัยต่อเนื่องจากฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังและเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา และพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ รัตภูมิ จะนะ นาหม่อม และสะเดา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก
วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย พลตรี กรกฎ ภู่โชติ รองแม่ทัพภาคที่ 4 รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ประจำปี 2568 เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดแผนการช่วยเหลือและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 นายอำเภอ ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา รายงานสถานการณ์สาธารณภัย ระหว่างวันที่ 20–23 พฤศจิกายน 2568 พบว่า ขณะนี้ ทั้ง 16 อำเภอของจังหวัดสงขลาได้รับผลกระทบแล้ว รวม 115 ตำบล 821 หมู่บ้าน 167 ชุมชน มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 243,568 ครัวเรือน รวม 635,423 คน ต้องอพยพรวม 1,224 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย โดยพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ รัตภูมิ จะนะ นาหม่อม และสะเดา จัดเป็นพื้นที่สถานการณ์หนักถึงหนักมาก ซึ่งบางจุดน้ำท่วมสูงและเพิ่มระดับอย่างรวดเร็วจากน้ำล้นตลิ่งของคลองอู่ตะเภา โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมอำเภอสะเดา คลองหอยโข่ง และกำลังหนุนเข้าสู่เขตเมืองหาดใหญ่เพิ่มขึ้น
ด้าน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระบุว่า ช่วงวันที่ 23–25 พฤศจิกายนนี้ พื้นที่จังหวัดสงขลายังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและเชิงเขา ส่วนช่วงวันที่ 26–29 พฤศจิกายน มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะอ่อนกำลังลง แต่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องบางแห่ง ทำให้ต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ด้านความเสียหาย พบว่ามีบ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง บางส่วน 3 หลัง สถานที่ราชการเสียหาย 1 แห่ง โรงเรียน 7 แห่ง วัด 5 แห่ง ถนนท้องถิ่นและทางหลวงรวมกว่า 12 สาย ได้รับผลกระทบ รวมถึงพื้นที่เกษตรเสียหายจำนวนมาก
จังหวัดสงขลาได้เร่งนำกำลังทุกภาคส่วนลงช่วยเหลือประชาชนแบบเต็มกำลัง มีการตั้ง โรงครัวพระราชทาน 2 แห่ง ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ สนับสนุนเครื่องสูบน้ำรวม 86 เครื่อง เรือท้องแบน 44 ลำ เรือยาง 21 ลำ และรถยกสูง 83 คัน เพื่อใช้ในการอพยพและขนย้ายประชาชนจากพื้นที่น้ำท่วมหนัก โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐ ทหาร ปภ. อปท. มูลนิธิฯ และเครือข่ายจิตอาสา ได้ร่วมกันแจกจ่ายข้าวกล่อง น้ำดื่ม และถุงยังชีพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านจราจร การขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และสนับสนุนกระสอบทรายให้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายหลักของเมืองหาดใหญ่ ที่ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ในอำเภอหาดใหญ่และพื้นที่รอบข้างมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งระดมกำลัง เครื่องจักร และยุทโธปกรณ์ลงพื้นที่ทันทีเพื่อช่วยเหลือประชาชน
ทั้งนี้ จังหวัดได้จัดตั้งมณฑลทหารบกที่ 42 เป็นศูนย์บัญชาการหลัก เนื่องจากมีความพร้อมทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งอพยพประชาชนจากจุดเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวของทางราชการจัดเตรียมไว้ ได้แก่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และทัพเรือภาคที่ 2 ย้ำ! “ชีวิตประชาชนต้องมาก่อน”
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด


