สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อัปเดตถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำ ในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 90% ของความจุเก็บกัก (72,157 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 83% (48,033 ล้าน ลบ.ม.)แหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเก็บกักน้อยกว่า 30% จำนวน 16 แห่ง ดังนี้ ภาคกลาง 3 แห่ง ภาคตะวันออก 5 แห่ง ภาคตะวันตก 6 แห่ง และภาคใต้ 2 แห่ง
ส่วนสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาจากกรมอุทกศาสตร์ โดยคาดหมายระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และพื้นที่ใกล้เคียงในระหว่างวันที่ 20 - 29 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 08.00 - 15.00 น. เป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยคาดหมายระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และพื้นที่ใกล้เคียงอาจมีความสูงประมาณ 1.70 – 2.00 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.30 เมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วม เนื่องจากน้ำทะเลหนุน บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม
ขณะที่เช้าวันนี้ ชุมชนท่าอิฐ จ.นนทบุรี เผชิญกับน้ำทะเลหนุนสูงอีก
ด้านการรับมือฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงภาคใต้ ปี 2568 ที่จ.นครศรีธรรมราช จากการประเมินสภาพอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า ในช่วงวันที่ 18–23 พ.ย. 68 พื้นที่ภาคใต้จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ และจากการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักล่วงหน้า 3 วัน (ช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. 68) พบว่า ในบางพื้นที่ของ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา และนราธิวาส จะมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 200 มม. ดังนั้นในช่วงเวลาถัดจากนี้ไป พื้นที่ภาคใต้จะต้องเฝ้าระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ทั้งนี้ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ภาคใต้ เป็นภารกิจที่มีความท้าทาย เนื่องจากพื้นที่มีภูมิประเทศที่หลากหลายและได้รับอิทธิพลจากทั้งมรสุม-ตะวันตกเฉียงใต้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและพายุหมุนเขตร้อน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภัยด้านน้ำหลายรูปแบบ ทั้งน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในเขต
สำหรับคุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน


