นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษา ว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทำรายงาน โดยมีเวลาศึกษาจนถึงวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ซึ่งคิดว่าไม่ทัน จึงต้องขอขยายเวลาศึกษาออกไปอีก 30 วัน เพื่อให้มีเวลาในการรวบรวมเอกสาร และข้อมูล ของแต่ละฝ่ายให้ได้เต็มที่ ซึ่งทางกรรมาธิการได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อไปรวบรวมหลักฐานและตรวจสอบข้อมูลให้สมบูรณ์โดยมีนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธาน
ส่วนขณะนี้เหตุการณ์ชายแดนเริ่มปะทุอีกครั้ง ทาง กมธ. มีการประเมินทุกสถานการณ์ แต่การจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก MOU เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่บทบาทของ กมธ. ก็ทำเต็มที่เพื่อเสนอให้รัฐบาล ส่วนรัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟังข้อมูลจาก กมธ. ก็เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี
ซึ่งในที่ประชุมขณะนี้ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันทั้งในส่วนข้าราชการ อดีตข้าราชการ และภาคประชาชน แต่ในความเห็นที่แตกต่างกันก็พยายามทำความเข้าใจว่าไม่ใช่ใครเป็นฝ่ายที่ถูกหรือฝ่ายที่ผิด แต่อาจมีฐานข้อมูลความเชื่อและการตีความที่แตกต่างกัน
เมื่อถามว่าในที่ประชุมมีการพูดคุยหรือไม่ว่าถ้าหากยกเลิก MOU 43-44 จะทำให้เราเสียเปรียบหรือได้เปรียบมากกว่ากัน นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายที่เห็นควรไม่ให้ยกเลิกก็ให้เหตุผลว่า หากเรายกเลิกเราก็จะเสียสิทธิ์และเสียเปรียบ ส่วนฝ่ายที่บอกว่ายกเลิกได้ทันทีก็เพราะว่าเขาผิดอนุสัญญาและเป็นโอกาสในจังหวะที่ประเทศไทยควรยกเลิก แต่ยังมีอีกหลายประเด็นทั้งเรื่องที่ต้องพิจารณา เช่น การตีความตามเส้นแนวเขตว่าจะใช้แนวเขตตามขอบหน้าผาหรือแนวสันปันน้ำ ซึ่งวันนี้จะมีการคุยกันในเรื่องเขตรอยต่อไทยกัมพูชาที่เป็นสันเขาและล้ำเข้ามาในดินแดนของประเทศไทยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมจัดดีเบตรับฟังความเห็นเรื่อง MOU 43-44 นั้น ตนเห็นด้วยเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมโดยเฉพาะพี่น้องชายแดน 7 จังหวัด โดยนำวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญให้ข้อมูลทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแก่ประชาชนตามแนวชายแดน
ส่วนจะทำให้เราเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่ในการดีเบตครั้งนี้ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ที่ข้อกฎหมายอยู่แล้วสิ่งที่ประเทศไทยเราจะได้ก็คือประชาชนได้มีความรู้เพิ่มขึ้น และเห็นด้วยในการทำประชามติแบบประเทศประชาธิปไตย เราอย่าไปคิดว่าตอนเซ็น MOU ทำไมไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และพอคราวนี้ตัดสินใจให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตนคิดว่ารัฐบาลหรือ ครม. จะตัดสินใจว่าจะยกเลิกหรือไม่เพียงแต่ต้องการให้ประชาชนมามีส่วนร่วม และการที่กัมพูชาทำพฤติกรรมแบบนี้เราก็ต้องเก็บข้อมูลเพราะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เราก็ต้องไปเก็บข้อมูลว่าละเมิดอย่างไร สิ่งเหล่านี้พอถึงเวลาจะย้อนกลับและเป็นคนประโยชน์ต่อประเทศไทย
นายสฤษฏ์พงษ์ ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ตนอยากทำความเข้าใจกับประชาชนคือ ให้ประชาชนยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ สิ่งที่เห็นต่างกันในข้อเท็จจริงเราอย่านำประเด็นที่เห็นต่างกันทำเพื่อชัยชนะ ประเด็นที่เห็นต่างและทำให้กัมพูชาเอาประเด็นที่เห็นว่ามีประโยชน์ไปอ้างได้ในเวทีโลก


