ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ไวรัสตับอักเสบ E ไม่ใช่โรคใหม่ ศูนย์ไวรัสจุฬาฯ ได้ศึกษามานานแล้ว และมีข้อมูลมากมาย รวมทั้งวิธีการตรวจได้อย่างรวดเร็ว ตรวจ เช้า ได้เย็น ด้วยการตรวจ RNA ไวรัส มีความถูกต้องแม่นยำสูง
ศ.นพ.ยง ระบุว่า ไวรัสตับอักเสบ E ก่อให้เกิดโรคแบบเฉียบพลันได้เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบตัวอื่นๆ เช่น A, B และ C อาการแบบเฉียบพลันไม่แตกต่างกันมาก มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลีย ท้องเสีย และมีตัวเหลือง ตาเหลือง เอนไซม์ตับสูง
ไวรัสตับอักเสบ E ในประเทศไทยที่พบจะพบเป็นรายๆ ไม่พบการระบาดหมู่มากเหมือนในประเทศที่สุขอนามัยไม่ดี เช่น แอฟริกา อินเดีย โดยสายพันธุ์ที่พบในบ้านเราเป็นสายพันธุ์ที่ 3 มีแหล่งรังโรคอยู่ใน 'หมู' การติดต่อที่สำคัญจึงเป็นการติดต่อทางการรับประทานเชื้อที่ปนเปื้อนกับอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่เป็นผลิตภัณฑ์ของหมูที่ไม่สุก เช่น การรับประทานหมูกระทะ และใช้ตะเกียบคีบหมู เพื่อปิ้ง ย่าง และใช้ตะเกียบอันเดียวกันคีบอาหารเข้าปาก ซึ่งอาจจะปนเปื้อนเชื้อไวรัสตับอักเสบ E เข้าไป ในหมูกระทะ เนื้อหมูไม่ได้มาจากหมูตัวเดียว จะมาจากหมูเป็นจำนวนมากหลายตัวผสมกัน หรือปนเปื้อนกัน จึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงกว่าการกินจากหมูตัวเดียว และกินอาหารที่สุกสะอาด ส่วนตัวเคยรักษาผู้ป่วยหลายรายที่มีประวัติชัดเจนไปรับประทานหมูกระทะ หรือเกี่ยวข้องสัมผัสกับหมู
อีกวิธีหนึ่งที่อาจจะติดต่อกันได้ คือรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์ของเลือดจากผู้บริจาคที่มีเชื้อแบบไม่มีอาการ เพราะการติดเชื้อในผู้ที่แข็งแรงดีจำนวนหนึ่งจะไม่มีอาการ และร่างกายก็จะกำจัดเชื้อให้หมดไปเอง การรับเลือดจำนวนมากให้กับผู้มีภูมิต้านทานต่ำ ควรขอเลือดจากศูนย์ ที่ผ่านการตรวจไวรัสตับอักเสบ E
โรคนี้ไม่มียารักษา ถ้าวินิจฉัยได้เร็วก็ไม่จำเป็นต้องให้ยามากมาย โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะหลายอย่าง เพียงรักษาตามอาการ หรือในรายที่รุนแรง การให้ยาต้านไวรัสอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เพราะยาก็มีอาการข้างเคียง เราจะให้ในคนที่มีภูมิต้านทานต่ำเท่านั้น
ศ.นพ.ยง ย้ำว่า "โรคนี้ในประเทศไทยเสียชีวิตต่ำมาก ส่วนใหญ่ที่รุนแรงและเสียชีวิตจะเป็นผู้ที่มีมีภูมิต้านทานต่ำ กินยากดภูมิต้านทาน หรือโรคเรื้อรังที่ทำให้มีภูมิต้านทานลดลง"


