ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (17-21 พ.ย.) ที่ระดับ 32.10-32.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน ที่ 32.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางเงินเยนที่อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้ ขณะที่เงินดอลลาร์มีแรงหนุนจากภาวะชัตดาวน์หน่วยงานราชการสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลง หลังสภาคองเกรสสามารถตกลงร่วมกันในเรื่องกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และปรธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายแล้ว
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในระหว่างสัปดาห์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะกลับมาประกาศหลังชัตดาวน์ อาจออกมาอ่อนแอ แต่กรอบการแข็งค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทกลับไปอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายท่านยังคงส่งสัญญาณกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้จังหวะการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ยังมีความไม่แน่นอน
ในสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และการส่งออกเดือนตุลาคม ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก
ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน ยอดขายบ้านมือสองเดือนตุลาคม บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 ตุลาคม และอาจจะมีเครื่องชี้เศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ที่กลับมาประกาศหลังภาวะชัตดาวน์ของสหรัฐฯ สิ้นสุดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของญี่ปุ่น การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ของยูโรโซนและญี่ปุ่น และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพฤศจิกายน ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ


