พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงมีการตรวจพบการใช้ทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ในพื้นที่บริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในเขตเส้นปฏิบัติการของไทย หน่วยทหารในพื้นที่ได้ตรวจพบทุ่นระเบิด จำนวน 2 ทุ่น ซึ่งจากการพิสูจน์ทราบโดยชุดตรวจค้นทุ่นระเบิด พบว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แบบ PMN-2 สภาพใหม่ แต่ยังไม่ได้ถอดสลักนิรภัยออก จึงได้ทำการเก็บกู้ และบันทึกหลักฐานเพื่อดำเนินการรายงานต่อคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT ต่อไป
สำหรับทุ่นระเบิดที่ตรวจพบ 2 ทุ่น วางห่างกันระยะประมาณ 50 เมตร โดยจุดที่ 1 อยู่บริเวณแนวลาดตระเวนของฝ่ายไทย และจุดที่ 2 อยู่ใกล้เคียงกับฐานปฏิบัติการเก่า บริเวณเนิน 677 ที่ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่
ซึ่งหากพิจารณาจากตำแหน่งที่ตรวจพบทุ่นระเบิดแล้ว สันนิษฐานว่าเป็นการเตรียมการวางทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชา เพื่อลอบทำร้ายฝ่ายไทยที่ลาดตระเวณบริเวณชายแดน หรือมีการเข้าไปปรับปรุงพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว
การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ทางไทยและกัมพูชาล้วนได้ให้สัตยาบัน ดังนั้นฝ่ายไทยยืนยันที่จะปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดในเขตอธิปไตยไทย เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กำลังพลและประชาชนในพื้นที่ต่อไปนอกจากนี้ คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนประจำประเทศไทย (ASEAN Observer Team–Thailand: AOT-TH) จำนวน 10 นาย ประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายไทย 6 นาย และผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน 4 นาย ได้แก่ มาเลเซีย 2 นาย อินโดนีเซีย 1 นาย และฟิลิปปินส์ 1 นาย ได้ออกเดินทางจากกองบัญชาการกองทัพไทย ลงพื้นที่ติดตามและประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด ภายหลังเหตุยิงปะทะเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568
คณะ AOT-TH เดินทางถึงจุดตรวจอำเภอโคกสูง ที่ 34 (จต.ส.34) จังหวัดสระแก้ว โดยได้รับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยกำลังฝ่ายไทยเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ปะทะ การวิเคราะห์ด้านยุทธวิธี การตอบโต้ และมาตรการป้องปรามที่ดำเนินการในพื้นที่ เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงจากหน่วยปฏิบัติงานโดยตรง
ภายหลังการบรรยาย คณะผู้สังเกตการณ์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบังเกอร์ฝั่งไทยที่ได้รับความเสียหายจากการถูกยิง โดยร่วมปฏิบัติงานกับทีมพิสูจน์หลักฐานในการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ อาทิ ร่องรอยกระสุน ทิศทางการยิง และตำแหน่งกระสุนตก เพื่อนำไปประกอบรายงานวิเคราะห์สถานการณ์ด้านความมั่นคงอย่างเป็นระบบและโปร่งใส
จากนั้น คณะ AOT-TH ได้เดินทางต่อไปยังศาลาประชาคมบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อพบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุยิงข้ามแดน โดยประชาชนได้สะท้อนความกังวลต่อเสียงปืน ความไม่มั่นใจในการดำรงชีวิตประจำวัน และผลกระทบต่อความรู้สึกปลอดภัยของครัวเรือน


