วันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 16.15 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต ตรัง และสตูล เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่าร้อยละ 80 เสี่ยงน้ำล้น ส่งผลกระทบบริเวณท้ายน้ำ 4 จังหวัด ได้แก่ ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่ ในช่วงวันที่ 17 - 22 พ.ย. 68 โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง วางแผนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 30/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่าจากการติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคใต้ โดยมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 17 - 22 พฤศจิกายน 2568 แยกเป็น
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร (อำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอพะโต๊ะ อำเภอละแม และอำเภอหลังสวน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอชัยบุรี อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอตอนสัก อำเภอบ้านนาสาร อำเภอท่าฉาง อำเภอเกาะสมุย และอำเภอเกาะพงัน) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอปากพนัง อำเภอพระพรหม อำเภอสิชล อำเภอนบพิตำ อำเภอท่าศาลา อำเภอขนอม และอำเภอช้างกลาง) จังหวัดพัทลุง (อำเภอกงหรา อำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพต และอำเภอป่าพะยอม) จังหวัดสงขลา (ทุกอำเภอ) จังหวัดปัตดานี (ทุกอำเภอ) จังหวัดยะลา (ทุกอำเภอ) จังหวัดนราธิวาส (ทุกอำเภอ) จังหวัดภูเก็ต (ทุกอำเภอ) จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง อำเภอห้วยยอด อำเภอนาโยง อำเภอปะเหลียน และอำเภอย่านตาขาว) และจังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล อำเภอควนโดน อำเภอควนกาหลง และอำเภอท่าแพ)
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำหลังสวน แม่น้ำตาปี คลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำตรัง แม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 13 จังหวัดภาคใต้ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน "THAI DISASTER ALERT" ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ1784" โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
.


