xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก ทบ.โต้! กัมพูชาใช้หน่วยงานรัฐ-สื่อ-ปชช.ประโคมข่าวเท็จ กล่าวหาไทยอย่างน่าละอาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ปัจจุบันมีความตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุกำลังพลเหยียบทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาลักลอบวางไว้ อันถือเป็นการละเมิดต่อปฏิญญาร่วมและแสดงความเป็นปรปักษ์ จนนำไปสู่การที่รัฐบาลไทยมีมติระงับการดำเนินการตามปฏิญญาร่วม (Joint Declaration) และชะลอการส่งตัวเชลยศึก

รวมทั้งสถานการณ์เมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) ที่พบว่าฝ่ายกัมพูชาใช้การสร้างสถานการณ์ ให้กำลังทหารเปิดฉากยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยในบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว จนฝ่ายไทยต้องตอบโต้สถานการณ์ตามกฎการใช้กำลัง เพื่อป้องกันตนเองและดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนชาวไทย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ ฝ่ายกัมพูชาได้มีการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารสร้างข่าวบิดเบือนอย่างกว้างขวาง โดยกล่าวหาว่าไทยได้เปิดฉากยิงพลเรือนกัมพูชา และเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไทยปล่อยตัวเชลยศึกในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข

จากสถานการณ์ดังกล่าว โฆษกกองทัพบก ระบุว่า แม้กัมพูชาจะพยายามสร้างสถานการณ์ให้ฝ่ายไทยเป็นผู้ละเมิดต่อข้อตกลง และสร้างภาพว่าเป็นเหยื่อของการกระทำของฝ่ายไทย โดยกล่าวหาฝ่ายไทยว่าทำการยิงไปยังประชาชนกัมพูชา รวมถึงได้กล่าวหาอย่างร้ายแรงว่ากำลังพลของไทยได้เหยียบทุ่นระเบิดที่ฝ่ายไทยเป็นผู้วางไว้เอง ซึ่งหากพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้วจะพบว่าข้อกล่าวหาทั้งหมด ล้วนปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง แต่ใช้วิธีการสร้างและประโคมข่าวเท็จอย่างเป็นระบบ ทั้งในส่วนราชการ, สื่อภายในประเทศ รวมทั้งประชาชนของกัมพูชา ทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง

โดยกองทัพบกขอชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้สาธารณชนได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

กรณีการตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย และกัมพูชาได้กล่าวอ้างว่าทหารไทยได้เหยียบทุ่นระเบิดที่วางไว้เองนั้น ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ที่วางใหม่ และในบริเวณใกล้เคียงยังพบทุ่นระเบิดอีก 3 ทุ่น อีกด้วย สอดคล้องกับข้อมูลเดิมที่มีการรายงานว่าทหารกัมพูชาได้ลักลอบเข้ามาตัดลวดหนามที่ไทยได้วางไว้ ก่อนจะพบการวางทุ่นระเบิดดังกล่าว รวมถึงพบการรายงานในพื้นที่อื่นๆ ว่ามีการพบทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ด้วยเช่นกัน

กรณีเหตุการณ์ที่กัมพูชาเปิดฉากเข้ามายังบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว จนทำให้กองกำลังบูรพามีความจำเป็นต้องยิงตอบโต้ เพื่อแจ้งเตือนและป้องกันตนเองจากการคุกคามที่เกิดขึ้น และหลังจากเกิดเหตุกัมพูชาได้สร้างข้อมูลบิดเบือนว่า ฝ่ายไทยยิงใส่พลเรือนกัมพูชาจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าการปฏิบัติของฝ่ายไทย 12 ก.ย.68 เป็นการตอบโต้ตามสถานการณ์ตามกฎการใช้กำลัง ซึ่งการยิงของทหารไทยสอดคล้องกับทิศทางการยิงของทหารกัมพูชา ไม่ได้มีเป้าหมายกระทำต่อพลเรือนแต่อย่างใด ดังนั้นหากกัมพูชากล่าวอ้างว่ามีพลเรือนของตนได้รับผลกระทบ แสดงว่ากัมพูชาได้ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ใช้กำลังทหารเข้าปะปนในกลุ่มประชาชนของตน โดยไม่สนใจในผลกระทบที่อาจจะเกิด

ส่วนกรณีการกล่าวอ้างและสร้างข้อมูลบิดเบือน นำภาพการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายศพประชาชนชาวกัมพูชาข้ามผ่านชายแดน ซึ่งเป็นการเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลใน กทม. และญาติผู้เสียชีวิตได้ประสานผ่านทางการไทย และไทยได้อำนวยความสะดวกด้านการส่งกลับตามหลักมนุษยธรรม แต่ทางกัมพูชานำภาพไปใช้ประกอบการสร้างข่าวเท็จว่าไทยได้ส่งศพเชลยศึกเสียชีวิตกลับประเทศ ซึ่งสิ่งนี้แสดงอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาเพิกเฉยต่อเรื่องสิทธิความเป็นมนุษย์ และหลักความเป็นมนุษยธรรม นำชีวิตของประชาชนประเทศตนมาเป็นช่องทางในการสร้างข่าวเท็จอย่างน่าละอาย