เพจพรรคประชาชน โพสต์ระบุว่า ข้อเสนอเร่งด่วนกรณีความขัดแย้งไทยกัมพูชา รัฐบาลต้องเร่งใช้มาตรการการทูตเชิงรุก เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ และหยุดยั้งพฤติการณ์คุกคามสันติภาพของกัมพูชา
จากกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 2 นาย โดยหนึ่งในนั้นมีอาการข้อเท้าขวาขาด ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศจะยกเลิกข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสักขีพยานนั้น
พรรคประชาชนขอเสนอมาตรการการทูตเชิงรุกที่จะสร้างความได้เปรียบให้แก่ประเทศไทยในสถานการณ์อันสำคัญเร่งด่วนนี้ คือ
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ต้องคุยโทรศัพท์สายตรงกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียทันที ในฐานะสักขีพยานข้อตกลงสันติภาพ โดยยืนยันจุดยืนของไทยว่า ไทยต้องการรักษาข้อตกลงฯ ให้คงอยู่เพื่อการธำรงสันติภาพระหว่างสองประเทศ และปฏิบัติตามข้อตกลงฯ มาโดยตลอด แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงฯ ไทยเรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบต่อการละเมิดข้อตกลงฯ ในครั้งนี้ และรัฐบาลไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังมีพฤติการณ์ที่บ่อนทำลายสันติภาพ
2. การดำเนินมาตรการเชิงรุกของไทย จำเป็นต้องเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ก่อนที่นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะโทรศัพท์ไปหาผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซีย เพื่อชิงความได้เปรียบในการอธิบายจุดยืนและรายละเอียดของสถานการณ์ นอกจากนี้ ไทยยังจำเป็นต้องย้ำว่า ไทยรักษาข้อตกลง ส่วนกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง เพื่อสร้างความชอบธรรมว่าไทยเป็นฝ่ายที่ถูกต้องในสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ และมีความชอบธรรมหากต้องยกระดับปฏิบัติการในอนาคต
3. นอกจากนี้ ไทยยังควรทำหนังสืออย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้สหรัฐฯ พิจารณาระงับความร่วมมือทางทหารกับกัมพูชา จนกว่ากัมพูชาจะกลับมายึดมั่นในข้อตกลงสันติภาพ ไม่อย่างนั้น ความร่วมมือทางการทหารกับกัมพูชาจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ทุ่นระเบิดที่ละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ และทำลายการสร้างสันติภาพอย่างที่ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการ
4. สุดท้าย รัฐบาลไทยต้องไม่ลืมว่า วิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการไม่ให้รัฐบาลกัมพูชามีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคงของไทยอีกต่อไป คือการตัดท่อน้ำเลี้ยงของผู้มีอำนาจทางการเมืองกัมพูชาที่หล่อเลี้ยงด้วยทุนเทาสแกมเมอร์ในกัมพูชาและขบวนการฟอกเงินในประเทศไทย ซึ่งประชาคมโลกพร้อมให้ความร่วมมือกับไทยในการจัดการอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ และได้ดำเนินการล้ำหน้าไทยไปแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่เคยจริงจังในการสืบหาต้นตอและขยายผลการอายัดทรัพย์เครือข่ายทุนเทา นอกจากจัดอีเวนท์และตั้งคณะกรรมการ รัฐบาลต้องรีบตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ และตั้งผู้แทนพิเศษของไทย (Special Envoy) ที่จะทำหน้าที่ประสานกับรัฐบาลนานาชาติในการจัดการสแกมเมอร์และขบวนการฟอกเงิน มุ่งเน้นการสาวถึงต้นตอขบวนการ ไม่ใช่จับคนตัวเล็กตัวน้อย
พรรคประชาชนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หากรัฐบาลดำเนินการทางการทูตเชิงรุกอย่างถึงที่สุด จะทำให้ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบในเวทีโลก และสามารถหยุดยั้งพฤติการณ์คุกคามสันติภาพของรัฐบาลกัมพูชาได้ รวมถึงมีความชอบธรรมเพียงพอที่จะอธิบายต่อประชาคมโลก หากจำเป็นต้องยกระดับมาตรการทางทหารเพื่อป้องกันตนเองในอนาคต


