นางสาวฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า โครงการ "เที่ยวดีมีคืน" ทำให้ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมเริ่มคึกคักขึ้น แต่ยังไม่เท่ากับผลของ "คนละครึ่ง พลัส" ที่เห็นเม็ดเงินใช้จ่ายได้ทันทีผ่านระบบของกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย และแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ขณะที่ "เที่ยวดีมีคืน" ต้องรอการคืนภาษีก่อนประชาชนจะรับรู้ถึงผลประโยชน์ จึงยังไม่สามารถวัดการใช้จ่ายได้ชัดเจน
ทั้งนี้ "เที่ยวดีมีคืน" ช่วยกระตุ้นผู้มีรายได้สูงให้กล้าใช้จ่าย แต่ส่วนใหญ่จะเลือกใช้กับร้านอาหารหรือโรงแรมราคาสูง เพื่อให้คุ้มค่ากับสิทธิในการลดหย่อนภาษี ขณะที่คนฐานรากได้อานิสงส์จาก "คนละครึ่ง พลัส" ทำให้ร้านค้าที่ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มแยกชัดเจน ส่วนร้านระดับกลางอาจยังไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร
ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นว่าโครงการได้ปรับตัวเป็น "กินดีมีคืน" มากกว่า เพราะคนใช้สิทธิเน้นการรับประทานอาหารในเมืองหลักเป็นหลัก ส่วนเมืองรองอาจคึกคักน้อย เนื่องจากมีร้านอาหารและโรงแรมจำกัด แต่รัฐบาลตั้งใจให้เกิดการกระจายการใช้จ่ายไปยังเมืองรองด้วย ซึ่งยังต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจสิทธิประโยชน์มากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม


