xs
xsm
sm
md
lg

ปชช.เข้าถวายบังคมพระบรมศพ‘พระพันปีหลวง’วันแรก ซาบซึ้งมีชีวิตรอดจนถึงวันนี้เพราะเป็นคนไข้ในพระราชูอุปถัมภ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วันที่ 9 พ.ย.2568 สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันแรก โดยกำหนดให้ประชาชนสามารถเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ได้ใน 4 ช่วงเวลาดังนี้
ช่วงที่ 1 เวลา 08.00 น.-10.45 น.
ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 น.-16.45 น.
ช่วงที่ 3 เวลา 17.45 น.-18.30 น.
ช่วงที่ 4 เวลา 19.45น.-21.00 น.

ตลอดทั้งวันมีประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จำนวนมากแต่งกายสุภาพด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ ผ่านจุดคัดกรองแรกที่ท้องสนามหลวง แล้วเดินทางมาเข้ายังประตูมณีนพรัตน์ แล้วเดินไปตามพระระเบียง ออกประตูศรีรัตน์ เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงเข้าประตูพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทกันอย่างเนืองแน่น ด้วยความน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

โดยเช้าวันนี้ ภายหลังเสร็จพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม พระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รับพระราชทานภัตตาหารเช้าเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพ หน้าพระบรมโกศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่ 08.00 น. เพื่อเข้าถวายสักการะด้วยความอาลัยและเทิดทูนยิ่งประดุจดังแม่ของแผ่นดิน โดยมีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาฯคอยดูแลตลอดเส้นทาง

ด้านนางประวิง ศรพิชัย อายุ 86 ปี ชาว ต.ห้วยปริก อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวภายหลังเข้าถวายบังคมพระบรมศพ “สมเด็จพระพันปีหลวง” บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ว่า เมื่อปี 2524 ตนเดินทางมารับเสด็จฯในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง ที่วังสวนจิตรฯ พระองค์ทราบว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก จึงรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชูปถัมฯ แล้วส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

“รู้สึกภูมิใจมากที่พระองค์รับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ซาบซึ่งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้รับการรักษาจนมะเร็งปากมดมูกระยะที่ 2 นขณะนี้มะเร็งหายดีมา 40 กว่าปีแล้ว โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย พระองค์ท่านดูแลเป็นอย่างดีมากๆและพระราชทานเงินให้ใช้จ่ายด้วย ถ้าพระองค์ท่านไม่ช่วยเหลือยายก็คงตายไปแล้ว สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ทราบว่าพระองค์สวรรคตก็รู้สึกเสียใจมาก ขอให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย วันนี้ภูมิใจมากที่ได้เดินทางมากราบลาพระองค์ท่าน ซึ่งยายจะสวดมนต์ทุกวันมาเป็น 10 ปีแล้วและนุ่งขาวห่มขาวเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระพันปีหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงให้ความเมตรตาช่วยเหลือจนรอดตาย“ คุณยายประวิง กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

ส่วนนางสาววรรณี ศรีอรัญ อายุ 52 ปี ชาว จ.นราธิวาส กล่าวภายหลังเข้าถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง ว่า ตนป่วยเป็นเนื้องอกไขสันหลังทับเส้น ตั้งแต่อายุ 11 ปี ตนเดินทางไปรับเสด็จ ในหลวงรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระพันปีหลวง และกรมสมเด็จพระเทพฯ ที่เสด็จฯไปทรงเยี่ยมราษฎร์ ในจังหวังหวัดนราธิวาส ทรงรับตนไว้เป็นคนไขในพระบรมราชานุเคราห์ และสมเด็จพระพันปีหลวง คอยดูแลส่งตัวตนมารักษาที่โรงพยบาลพระมงกุฏเกล้าฯ กทม.

”รู้สึกซาบซึ่งใจมากตอนไปรับเสด็จฯในหลวง ร.9 ท่านเดินมาจับที่แขนแล้วถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะส่งตัวมารักษา หมอส่วนใหญ่บอกว่าตนไม่รอด ก็ดีใจมากที่รอดชีวิตมาได้ 41 ปีแล้ว หลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ตอนที่ในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคตตนก็บวชชีปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล และวันนี้ภูมิใจมากที่ได้เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ก็จะขอตอบแทนพระองค์ด้วยการคิดดี ทำความดีถวายสมเด็จพระพันปีหลวงเพื่อตอบแทนพระองค์ท่าน“ นางสาววรรณี เล่าด้วยน้ำตาแห่งความอาลัย