เพจกรมชลประทาน โพสต์ระบุว่า เนื่องจากในช่วงวันที่ 2 – 4 พฤศจิกายน 2568 มีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ตาก และกำแพงเพชร ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำปิงและลำน้ำสาขามากกว่าปกติ เพื่อเป็นการชะลอน้ำจากพื้นที่ตอนบนไม่ให้ไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างได้รวดเร็วจนเกินไป กรมชลประทานได้ใช้อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ตอนบนช่วยกักเก็บน้ำให้มากที่สุด โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก (แม่น้ำปิง) และเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ (แม่น้ำน่าน) โดยปริมาณน้ำส่วนหนึ่งจากแม่น้ำปิงตอนบนจะถูกกักเก็บไว้ในเขื่อนภูมิพล ซึ่งช่วยหน่วงน้ำจากพื้นที่ตอนบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีปริมาณน้ำอีกส่วนหนึ่ง ฝนที่ตกหนักท้ายเขื่อนภูมิพล ทำให้แม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น และไหลมาสมทบกับน้ำในแม่น้ำปิงตอนล่าง จะไหลไปรวมกับน้ำที่มาจากแม่น้ำน่าน และแม่น้ำสะแกกรัง บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ประกอบกับมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง จึงส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนประมาณ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
กรมชลประทานได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำส่วนเกินลงสู่อ่าวไทย รวมไปถึงประสานงานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกัน มีการติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนการระบายน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำฝนและน้ำท่า เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด


