นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า หนุนพรรคไม่ซื้อเสียง
ผมได้ดูข่าวพรรคประชาธิปัตย์เปิดแคมเปญใหม่ “ส.ส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ” ซึ่งเปิดโอกาสให้กับทุกคนที่สนใจการเมือง และทำการเมืองแบบสุจริต ถ้าเบื่อการเมืองแบบนายทุน เบื่อการเมืองสีเทาและสีดำ และอยากเห็นการเมืองดีโปร่งใส สุจริต การเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง เชิญชวนให้เข้าร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์
การประกาศแนวทางการเมือง แบบซื่อสัตย์สุจริต ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง นับว่าเป็นจุดยืนที่ถูกต้อง ตรงกับกับอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2489 ซึ่งควรรักษาและธำรงไว้ตลอดไป
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในจุดยืนการเมืองสุจริต ถือว่าเป็นการเดินที่ถูกทางแล้ว เพราะการเมืองในปัจจุบัน นับวันจะหาพรรคการเมืองที่กล้าประกาศ จุดยืนต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียงนั้น มีน้อยมาก
เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล้าประกาศและยอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพราะ ส.ส. ของพรรคจำนวนมาก ได้ลาออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ไม่สามารถสนองตอบแนวทางการเมืองของส.ส. เหล่านั้น ที่เคยปฏิบัติในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ เพราะต้องปรับตัวให้เข้ากับจุดยืนและแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายอภิสิทธิ์วางไว้เป็นเรื่องยาก เพราะในสนามเลือกตั้งนั้น อะไรที่เคยทำไว้ เมื่อไม่ทำแบบเดิม ประชาชนก็จะไม่เลือก คนที่เคยชื่อเสียงเข้ามา เลือกตั้งครั้งใหม่ไม่ซื้อเสียง ประชาชนก็จะไม่เลือกเข้ามาอีก
ขอให้นายอภิสิทธิ์ รักษาจุดยืนนี้ไว้ และขอให้ประกาศอย่างชัดเจนว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างเด็ดขาด ถ้าผู้สมัครคนใดของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ปฏิบัติตาม แนวทางของพรรค แอบซื้อเสียง ก็ไม่ต้องเลือกเข้ามา
ผมสนับสนุนแนวทางการเมืองสุจริต และต่อต้านการซื้อเสียงมาโดยตลอด ซึ่งได้ยอมรับว่า พรรคการเมืองที่ประกาศแนวทางรณรงค์หาเสียงแบบขายอุดมการณ์ ขายจุดยืนทางการเมือง ขายนโยบาย เพื่อให้ประชาชนพิจารณาเลือก ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เท่าที่เห็นอยู่มีเพียง2พรรค คือพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคประชาชน เท่านั้น
ถ้าหากประชาชนต้องการเห็นการเมืองไทยมีคุณภาพ นักการเมืองไม่ซื้อเสียงเพื่อเข้าสู่สภา จัดตั้งรัฐบาล ไม่มีการถอนทุนคืน ก็ต้องสนับสนุนพรรคการเมืองที่ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า ผู้สมัครของพรรคจะไม่ซื้อเสียงโดยเด็ดขาด
แต่ถ้าอยากให้การเมืองตกอยู่ในวังวนเดิม ซื้อเสียงกันอย่างโจ่งแจ้ง แข่งขันกันซื้อเสียงเหมือนกับการประมูล เกทับกัน และใช้เงินสกปรก เงินสีเทาสีดำ เข้ามาใช้ซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ก็ควรเลือกพรรคการเมืองเหล่านั้นอีกต่อไป
ซึ่งเห็นกันอยู่ในตอนนี้ว่า มีพรรคการเมืองใดบ้าง และแทบทุกพรรค มีการระดมทุนที่มาจากเงินสกปรก เพื่อซื้อตัวส.ส.และให้ส.ส.ไปซื้อประชาชน ถ้าประชาชนยังตกเป็นทาสของนักการเมืองซื้อเสียง ยังมีความคิดประเภท“เงินไม่มา กาไม่เป็น” ประเทศชาติจะตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ ก็ต้องยอมรับสภาพกันต่อไป


