"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนตุลาคม 2568" กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,126 คน ระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ มีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุดได้ ดังนี้
1, "ดัชนีการเมืองไทย" เดือนตุลาคม 2568 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.02 คะแนน (เดือนกันยายน 2568 ได้ 4.02 คะแนน)
2, ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด "ดัชนีการเมืองไทย" โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ ดังนี้
(1) ผลงานของฝ่ายค้าน ได้ 4.60 คะแนน เพิ่มขึ้น (จากเดือนกันยายน 2568)
(2) การมีส่วนร่วมของประชาชน ได้ 4.44 คะแนน (เท่าเดิม)
(3) สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ได้ 4.40 คะแนน (เพิ่มขึ้น)
(4) ความมั่นคงของประเทศ ได้ 4.32 คะแนน (เพิ่มขึ้น)
(5) การพัฒนาด้านการศึกษาสำหรับประชาชน ได้ 4.26 คะแนน (ลดลง)
(6) เสถียรภาพทางการเมือง ได้ 4.22 (เพิ่มขึ้น)
(7) สภาพสังคมโดยรวม ได้ 4.19 (เพิ่มขึ้น)
(8) การแก้ปัญหาต่างๆ ในภาพรวม ได้ 4.18 (เพิ่มขึ้น)
(9) การดำเนินงานของพรรคการเมืองโดยรวม ได้ 4.14 (เพิ่มขึ้น)
(10) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ได้ 4.10 (ลดลง)
(11) ผลงานของรัฐบาล ได้ 4.07 (เพิ่มขึ้น)
(12) การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ได้ 4.06 (เพิ่มขึ้น)
(13) การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ ได้ 4.04 (เพิ่มขึ้น)
(14) ผลงานของนายกรัฐมนตรี ได้ 3.99 (ลดลง)
(15) ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ได้ 3,97 (เพิ่มขึ้น)
(15) ค่าครองชีพ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ ได้ 3.97 (เพิ่มขึ้น)
(17) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้ 3.92 (ลดลง)
(18) การปฏิบัติการตนและพฤติกรรมของนักการเมือง ได้ 3.90 (ลดลง)
(19) กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ได้ 3.81 (ลดลง)
(20) ราคาสินค้า ได้ 3.75 (ลดลง)
(21) สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวม ได้ 3.73 (ลดลง)
(22) การแก้ปัญหาความยากจน ได้ 3.67 (เพิ่มขึ้น)
(23) การแก้ปัญหาการว่างงาน ได้ 3.64 (ลดลง)
(23) การแก้ปัญายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ได้ 3.64 (ลดลง)
(25) การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ได้ 3.58 (ลดลง)
3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนตุลาคม 2568
นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล
อันดับ 1 ร้อยละ 48.01 ระบุ อนุทิน ชาญวีรกูล
อันดับ 2 ร้อยละ 28.99 ระบุ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์
อันดับ 3 ร้อยละ 23.00 ระบุ ภราดร ปริศนานันทกุล
นักการเมืองฝ่ายค้าน
อันดับ 1 ร้อยละ 37.85 ระบุ รักชนก ศรีนอก
อันดับ 2 ร้อยละ 33.23 ระบุ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
อันดับ 3 ร้อยละ 28.92 ระบุ รังสิมันต์ โรม
4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนตุลาคม 2568
ผลงานฝ่ายรัฐบาล
อันดับ 1 ร้อยละ 64.42 ระบุ เปิดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัส
อันดับ 2 ร้อยละ 21.31 ระบุ นายกฯ ลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา
อันดับ 3 ร้อยละ 14.27 ระบุ เที่ยวดีมีคืน 2568
ผลงานฝ่ายค้าน
อันดับ 1 ร้อยละ 53.34 ระบุ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
อันดับ 2 ร้อยละ 24.52 ระบุ ติดตามแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา
อันดับ 3 ร้อยละ 22.14 ระบุ เร่งปราบแก๊งสแกมเมอร์
สรุปผลการสำรวจ "ดัชนีการเมืองไทย เดือนตุลาคม 2568" กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคม 2568 เฉลี่ย 4.02 คะแนน เท่ากับเดือนกันยายน 2568
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 4.60 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส 3.58 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 48.01 นักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ รัชกชนก ศรีนอก ร้อยละ 37.85 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เปิดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัส ร้อยละ 64.42 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 53.34
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนตุลาคม 2568 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพรวมที่ประชาชน "เฝ้าดูแต่ยังไม่มั่นใจ" ต่อผลงานรัฐบาลชุดนี้ แม้จะพยายามเร่งขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งคนละครึ่งพลัส และการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา แต่กระแสสังคมต่อประเด็น "สแกมเมอร์" และกรณี MOU แรร์เอิร์ธ ยังเป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถาม ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่น รวมถึงความโปร่งใสของรัฐบาลในสายตาประชาชน
ด้าน ผศ.ดร. เบญจพร พึงไชย ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณพิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า เดือนตุลาคม กล่าวได้ว่ามีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการเมือง ส่วนของรัฐบาลที่ดูเหมือนจะต้องพยายามรักษาความเป็นรัฐบาลในระยะเวลา 4 เดือน ให้ได้ แต่ด้วยเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อ แผ่ขยายไปถึงเรื่องสแกมเมอร์ การฟอกเงิน รวมไปถึงการค้ามนุษย์ และที่สำคัญ คงหนีไม่พ้นประเด็น MOU แรร์เอิร์ธ ที่ประชาชนไม่ได้รับทราบมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนนี้ ส่วนผลงานของฝ่ายค้านที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่มั่นใจต่อรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ที่ได้คะแนนต่ำสุด น่าจะเป็นผลพวงจากรัฐมนตรีที่มีชื่อพัวพันกับปัญหาสแกมเมอร์ที่กล่าวได้ว่าเป็นวาระแห่งชาติ ส่วนผลงานของรัฐบาลในเรื่องคนละครึ่งพลัส ที่ได้คะแนนอันดับ 1 น่าจะเป็นเพียงผลงานเดียวที่ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อคะแนนดัชนีที่คงที่ในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่สามารถแสดงออกถึงความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อปัญาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลง และกระทบต่อเสถียรภาพและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ มีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน สรุปผลเรียงลำดับจากค่าคะแนนสูงสุดไปถึงต่ำสุดได้ ดังนี้
1, "ดัชนีการเมืองไทย" เดือนตุลาคม 2568 ภาพรวมคะแนนเต็ม 10 ได้ 4.02 คะแนน (เดือนกันยายน 2568 ได้ 4.02 คะแนน)
2, ประชาชนให้คะแนน 25 ตัวชี้วัด "ดัชนีการเมืองไทย" โดยคะแนนเต็ม 10 เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยได้ ดังนี้
(1) ผลงานของฝ่ายค้าน ได้ 4.60 คะแนน เพิ่มขึ้น (จากเดือนกันยายน 2568)
(2) การมีส่วนร่วมของประชาชน ได้ 4.44 คะแนน (เท่าเดิม)
(3) สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ได้ 4.40 คะแนน (เพิ่มขึ้น)
(4) ความมั่นคงของประเทศ ได้ 4.32 คะแนน (เพิ่มขึ้น)
(5) การพัฒนาด้านการศึกษาสำหรับประชาชน ได้ 4.26 คะแนน (ลดลง)
(6) เสถียรภาพทางการเมือง ได้ 4.22 (เพิ่มขึ้น)
(7) สภาพสังคมโดยรวม ได้ 4.19 (เพิ่มขึ้น)
(8) การแก้ปัญหาต่างๆ ในภาพรวม ได้ 4.18 (เพิ่มขึ้น)
(9) การดำเนินงานของพรรคการเมืองโดยรวม ได้ 4.14 (เพิ่มขึ้น)
(10) การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ ได้ 4.10 (ลดลง)
(11) ผลงานของรัฐบาล ได้ 4.07 (เพิ่มขึ้น)
(12) การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ได้ 4.06 (เพิ่มขึ้น)
(13) การบริหารประเทศตามนโยบายที่ประกาศไว้ ได้ 4.04 (เพิ่มขึ้น)
(14) ผลงานของนายกรัฐมนตรี ได้ 3.99 (ลดลง)
(15) ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ได้ 3,97 (เพิ่มขึ้น)
(15) ค่าครองชีพ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ ได้ 3.97 (เพิ่มขึ้น)
(17) ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ได้ 3.92 (ลดลง)
(18) การปฏิบัติการตนและพฤติกรรมของนักการเมือง ได้ 3.90 (ลดลง)
(19) กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ได้ 3.81 (ลดลง)
(20) ราคาสินค้า ได้ 3.75 (ลดลง)
(21) สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวม ได้ 3.73 (ลดลง)
(22) การแก้ปัญหาความยากจน ได้ 3.67 (เพิ่มขึ้น)
(23) การแก้ปัญหาการว่างงาน ได้ 3.64 (ลดลง)
(23) การแก้ปัญายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล ได้ 3.64 (ลดลง)
(25) การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ได้ 3.58 (ลดลง)
3. นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนคิดว่ามีบทบาทโดดเด่นในเดือนตุลาคม 2568
นักการเมืองฝ่ายรัฐบาล
อันดับ 1 ร้อยละ 48.01 ระบุ อนุทิน ชาญวีรกูล
อันดับ 2 ร้อยละ 28.99 ระบุ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์
อันดับ 3 ร้อยละ 23.00 ระบุ ภราดร ปริศนานันทกุล
นักการเมืองฝ่ายค้าน
อันดับ 1 ร้อยละ 37.85 ระบุ รักชนก ศรีนอก
อันดับ 2 ร้อยละ 33.23 ระบุ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
อันดับ 3 ร้อยละ 28.92 ระบุ รังสิมันต์ โรม
4. ผลงานของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ประชาชนชื่นชอบในเดือนตุลาคม 2568
ผลงานฝ่ายรัฐบาล
อันดับ 1 ร้อยละ 64.42 ระบุ เปิดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัส
อันดับ 2 ร้อยละ 21.31 ระบุ นายกฯ ลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา
อันดับ 3 ร้อยละ 14.27 ระบุ เที่ยวดีมีคืน 2568
ผลงานฝ่ายค้าน
อันดับ 1 ร้อยละ 53.34 ระบุ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
อันดับ 2 ร้อยละ 24.52 ระบุ ติดตามแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา
อันดับ 3 ร้อยละ 22.14 ระบุ เร่งปราบแก๊งสแกมเมอร์
สรุปผลการสำรวจ "ดัชนีการเมืองไทย เดือนตุลาคม 2568" กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคม 2568 เฉลี่ย 4.02 คะแนน เท่ากับเดือนกันยายน 2568
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 4.60 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส 3.58 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 48.01 นักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ รัชกชนก ศรีนอก ร้อยละ 37.85 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เปิดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัส ร้อยละ 64.42 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 53.34
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนตุลาคม 2568 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพรวมที่ประชาชน "เฝ้าดูแต่ยังไม่มั่นใจ" ต่อผลงานรัฐบาลชุดนี้ แม้จะพยายามเร่งขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งคนละครึ่งพลัส และการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา แต่กระแสสังคมต่อประเด็น "สแกมเมอร์" และกรณี MOU แรร์เอิร์ธ ยังเป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถาม ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่น รวมถึงความโปร่งใสของรัฐบาลในสายตาประชาชน
ด้าน ผศ.ดร. เบญจพร พึงไชย ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณพิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า เดือนตุลาคม กล่าวได้ว่ามีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการเมือง ส่วนของรัฐบาลที่ดูเหมือนจะต้องพยายามรักษาความเป็นรัฐบาลในระยะเวลา 4 เดือน ให้ได้ แต่ด้วยเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อ แผ่ขยายไปถึงเรื่องสแกมเมอร์ การฟอกเงิน รวมไปถึงการค้ามนุษย์ และที่สำคัญ คงหนีไม่พ้นประเด็น MOU แรร์เอิร์ธ ที่ประชาชนไม่ได้รับทราบมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนนี้ ส่วนผลงานของฝ่ายค้านที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่มั่นใจต่อรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ที่ได้คะแนนต่ำสุด น่าจะเป็นผลพวงจากรัฐมนตรีที่มีชื่อพัวพันกับปัญหาสแกมเมอร์ที่กล่าวได้ว่าเป็นวาระแห่งชาติ ส่วนผลงานของรัฐบาลในเรื่องคนละครึ่งพลัส ที่ได้คะแนนอันดับ 1 น่าจะเป็นเพียงผลงานเดียวที่ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อคะแนนดัชนีที่คงที่ในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่สามารถแสดงออกถึงความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อปัญาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลง และกระทบต่อเสถียรภาพและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า


