นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รับฟังบรรยายสรุปและได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตต่างๆ ภายในโรงงาน พร้อมกล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นไปตามพันธกิจของกระทรวงฯ ในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม "อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ" เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นได้
โดยเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างอธิปไตยทางเทคโนโลยี ลดการพึ่งพาการนำเข้าอาวุธ และสร้างรายได้ให้คนไทยผ่านการผลิตยุทโธปกรณ์ภายในประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรามีศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายยานยนต์หุ้มเกราะในตลาดโลก ซึ่งบริษัท ชัยเสรีฯ ถือเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของผู้ประกอบการไทย และเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่ภาครัฐให้การสนับสนุน สอดคล้องกับนโยบาย "Made in Thailand" และเป็นความภูมิใจของคนไทย ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อเสนอแนะ ระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีความท้าทายหลายประการที่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยต้องเผชิญอยู่ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงจากอัตราภาษีนำเข้าชิ้นส่วน การขาดแคลนวัตถุดิบในประเทศ และข้อจำกัดด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงการแข่งขันรุนแรงในตลาดต่างประเทศจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีเครือข่ายทางทหารที่เข้มแข็ง
กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะการสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การผลักดันการจัดตั้ง "เขตปลอดอากรอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ" ร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ และ 2) การจัดตั้ง "ศูนย์สารสนเทศอัจฉริยะอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ" เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้แก่ภาครัฐและเอกชน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในการผลักดันให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศกลายเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างงาน สร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติไทย 100% ที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 57 ปี และส่งออกผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 44 ประเทศทั่วโลก ธุรกิจหลักของบริษัทฯ ครอบคลุม 3 ด้าน คือ 1. ยานเกราะ (Armor Vehicle) 2. ซ่อมบำรุงและปรับปรุง (MRO/Modernization) สำหรับยานเกราะและยานยนต์ทางทหาร และ 3. สายพานและยางรันแฟลต (Track/Run flat) โดยใช้ยางพาราในประเทศเป็นวัตถุดิบ


