xs
xsm
sm
md
lg

ทบ.แจงปมกัมพูชาออกข่าวอ้างระเบิดจากกระสุนฝั่งไทย พบไม่ตรงข้อมูลทางเทคนิค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากกรณีสำนักข่าวกัมพูชานำเสนอข่าว หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ได้ออกเอกสารชี้แจงผลการตรวจสอบเหตุระเบิด เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ในพื้นที่อำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นเหตุให้เด็กชายอายุ 10 ขวบเสียชีวิต และบิดาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสาระสำคัญในเอกสารดังกล่าว ระบุผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมภาพถ่ายจากจุดเกิดเหตุว่า วัตถุระเบิดที่ทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นระเบิดแบบคลัสเตอร์ M-85 จากกระสุนแบบ M396 ซึ่งยิงมาจากปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตรของกองทัพไทย และอ้างว่าเป็นเศษวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากเหตุปะทะระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น

วันนี้ (31 ต.ค.) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหาของเอกสารชี้แจงและภาพถ่ายที่เกิดเหตุ เปรียบเทียบกับข้อมูลทางเทคนิคของกระสุนปืนใหญ่ชนิดที่ทางกัมพูชาระบุมาในข่าว พบว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ด้วยข้อสังเกตสำคัญหลายประการ ดังนี้

1. กองทัพบกไทยมีลูกกระสุนปืนใหญ่ลักษณะดังกล่าวจริง แต่ใช้ในลักษณะระมัดระวัง ต่อเป้าหมายที่เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มั่นแข็งแรง ใช้สำหรับการเจาะเกราะ และจะใช้กระทำต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ซึ่งมีลักษณะเป็นกระสุนระเบิดทวิประสงค์ (Dual Purpose Improved Conventional Munitions – DPICM) ของปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร

2. โดยการทำงานของกระสุนชนิดนี้ เมื่อยิงถึงเป้าหมายที่กำหนด จะระเบิดและปล่อยลูกระเบิดย่อยแบบ M85 ออกมา ซึ่งลูกระเบิดย่อยจะทำงานและระเบิดตัวเองโดยอัตโนมัติ ไม่มีการตกค้างในพื้นที่ และไม่มีส่วนประกอบของลูกปราย (ลูกเหล็กทรงกลม) ภายในระเบิด

3. จากภาพหลักฐานที่กัมพูชาเผยแพร่ พบว่าลักษณะความเสียหายไม่สอดคล้องกับระเบิดแบบ M85 โดยภาพที่ปรากฏแสดงให้เห็นหลังคาบ้านและโอ่งน้ำมีรูพรุนจำนวนมาก รวมทั้งพบร่องรอยสะเก็ดระเบิดทั่วไป ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของระเบิดแรงสูงแบบ Shaped Charge ที่มักก่อให้เกิดการลุกไหม้หรือหลอมละลายของพื้นผิววัตถุ ทั้งนี้ ระเบิดแบบ M85 ไม่มีคุณสมบัติสร้างสะเก็ดจำนวนมากเช่นที่ปรากฏในภาพ

โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ลูกระเบิดย่อยแบบ M85 จะไม่ทำงานจนกลายเป็นระเบิดตกค้าง และแม้ว่าเกิดเหตุระเบิดจากลูกระเบิดแบบ M85 จริง ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ขัดแย้งกับข้อสรุปทางนิติวิทยาศาสตร์ของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ หวังว่าการนำเสนอข่าวของฝ่ายกัมพูชาจะอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง และความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้กลายเป็นข้อมูลบิดเบือนที่อาจถูกใช้สร้างความเข้าใจผิดในสังคม เพราะการสื่อสารที่ไม่ถูกต้องย่อมส่งผลกระทบต่อกระบวนการลดความขัดแย้งที่ทั้งสองประเทศกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้