xs
xsm
sm
md
lg

"วันนอร์" ชื่นชม "โรม" ทำงานหนัก ชง IPU รับญัตติด่วนไทยแก้อาชญากรรมไซเบอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แถลงผลสำเร็จจากการประชุม สมัชชาสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union: IPU) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยระบุว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ญัตติของไทยได้รับเสียงสนับสนุนมากถึง 2 ใน 3 ของที่ประชุมจาก 183 ประเทศทั่วโลก

โดยญัตติด่วนที่ไทยเสนอคือ "การเสริมสร้างบทบาทของรัฐสภาในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ" ซึ่งได้รับคะแนนเห็นชอบท่วมท้น 852 เสียง โดยมีเพียงราว 200 เสียง ที่ไม่เห็นด้วย และยังได้รับการสนับสนุนจากทั้งยุโรปและอเมริกา ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนบทบาทของรัฐสภาไทยบนเวทีระหว่างประเทศ

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวชื่นชมนายรังสิมันต์ โรม และทีมงานที่ทำงานหนักจนผลักดันให้ญัตติของไทยได้รับการรับรอง พร้อมย้ำว่า เมื่อไทยเป็นเจ้าของญัตติ รัฐบาลต้องดำเนินการให้เกิดผลจริง ไม่ใช่เพียงตั้งคณะกรรมการ เพราะการประชุม IPU ครั้งต่อไปในเดือนเมษายนปีหน้า จะต้องรายงานความคืบหน้าในการแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลก

"เราไม่กวาดบ้านให้สะอาด แล้วจะไปชี้แนะบ้านอื่นได้อย่างไร ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นภัยต่อมนุษยชาติ ทั้งคนจนและคนมีเงินก็ถูกหลอกเสียหาย"

ประธานรัฐสภา เปิดเผยด้วยว่า ปัจจุบันมีประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในภูมิภาค ถูกหลอกไปทำงานกับขบวนการค้ามนุษย์และอาชญากรรมไซเบอร์ หากไม่ทำตามเป้าจะถูกทรมานหรือเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับอิสรภาพ ซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง พร้อมย้ำการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล สตช. ปปง. กระทรวงดิจิทัลฯ ตลาดหลักทรัพย์ ธนาคาร และสถาบันการเมือง เพราะหากใครคิดว่าไม่เกี่ยวข้อง ปัญหานี้จะไม่มีวันจบสิ้น

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังแสดงความกังวลว่า หากประเทศเพื่อนบ้านกวาดล้างเข้มข้น อาชญากรอาจทะลักเข้ามาในไทย ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว พร้อมขอให้รัฐบาลป้องกันอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ เขายังเปิดเผยว่าในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพตั้งคณะกรรมการระหว่างประเทศปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งมีผู้เสียหายจากกว่า 30 ประเทศ เช่น บังกลาเทศ ศรีลังกา มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 7 แสนล้านบาท ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉุดเศรษฐกิจโลกให้ซบเซา นี่คือโอกาสของไทยที่จะยืนอยู่แถวหน้าในการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ของประชาชนและความเชื่อมั่นจากนานาชาติ