xs
xsm
sm
md
lg

กสทช.เตรียมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายฉันทพัทธ์ ขำโคกกรวด รักษาการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.ร่วมกับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล (MUX) เตรียมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (Emergency Warning System) หรือ EWS ผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล 11 ช่อง ซึ่งใช้โครงข่ายของ ททบ. ในวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 00.00-01.00 น. ในพื้นที่ จ.พะเยา และ จ.ชุมพร

นายฉันทพัทธ์ กล่าวว่า ระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (EWS) เป็นระบบที่เตรียมการพัฒนาเพื่อให้ประชาชนได้รับการแจ้งเตือนภัยอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที ครอบคลุม และเข้าถึงคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน หรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ในอนาคตหากพัฒนาระบบการแจ้งเตือนภัย (EWS) ตามแนวทางซึ่งเตรียมเสนอต่อที่ประชุม กสทช. จะสามารถส่งข้อความขึ้นหน้าจอโทรทัศน์ที่รับสัญญาณดิจิทัลทีวีโดยอัตโนมัติ พร้อมเสียงแจ้งเตือน และข้อความประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล เหตุแจ้งเตือนภัย และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วง

การทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (EWS) ครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานตามนโยบายและแผนการดำเนินงานที่สำคัญของ กสทช. ซึ่งมุ่งส่งเสริมการพัฒนาระบบการแจ้งเตือนภัยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และออกแบบโดยคำนึงถึงความเท่าเทียม (Inclusive Design) ให้เป็นระบบการแจ้งเตือนภัยที่คนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณของโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล ประมาณร้อยละ 95.6 ของจำนวนครัวเรือนทั้งประเทศ มีจำนวนสถานีทั้งหมด 168 สถานี แบ่งเป็น สถานีหลัก 39 สถานี และสถานีเสริม 129 สถานี

นายฉันทพัทธ์ กล่าวว่า โทรทัศน์เป็นช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการรองรับเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน เหตุภัยพิบัติ และเป็นอีกก้าวในการสร้างเครือข่ายการสื่อสาธารณะเพื่อการเตือนภัยที่เชื่อถือได้ เป็นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากโครงข่ายดิจิทัลของประเทศ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน”

พล.ท.อาวุธ พุทธอำนวย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์ กองทัพบก กล่าวว่า การทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือ เหตุฉุกเฉิน Emergency Warning System หรือ EWS เป็นความร่วมมือกันระหว่าง สำนักงาน กสทช. กับ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ได้เริ่มดำเนินการทดสอบด้านเทคนิคระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ในรูปแบบระบบปิด ผ่านทางโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล หรือ มักซ์ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ที่เป็นผู้นำโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลที่มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 11 ราย คือ โครงข่ายที่ 2 และโครงข่ายที่ 5 ซึ่งจากผลการทดสอบระบบ แจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ ดังนั้น สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก จึงขอทดสอบด้านเทคนิคในระบบเปิด โดยสถานีที่ใช้ในการทดสอบ ได้แก่ สถานีภาคเหนือ ใช้สถานีเสริมบ้านนาไร่เดียว มีที่ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จ.พะเยา และสถานีภาคใต้ ใช้สถานีเสริมหลังสวน มีที่ตั้งอยู่ที่อ.หลังสวน จ.ชุมพร จะดำเนินการทดสอบในช่วงเวลากลางคืนของวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ต่อเนื่องถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2568 โดยการทดสอบแบบจำกัดพื้นที่ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 สถานี และทดสอบพร้อมกัน 2 สถานี จำนวน 1 ครั้ง ซึ่งถือเป็นการจำลองการแจ้งเตือนทั้งประเทศ

ทั้งนี้ สัญญาณแจ้งเตือนจะปรากฏที่หน้าจอเครื่องรับโทรทัศน์ของประชาชนในพื้นที่ทดสอบที่รับสัญญาณจากโครงข่ายที่ 2 และโครงข่ายที่ 5 จำนวน 11 ช่อง ได้แก่ ช่อง TNN, เวิร์คพอยท์ ทีวี, True4U, Nation TV, GMM25, Mono 29, 7 HD, ONE, AMARIN TV HD, PPTV, และ ช่อง 5 การทดสอบจะกำหนดให้ทดสอบครั้งละ 2 นาที โดยจะแสดงเนื้อหาและข้อความ 1 นาที โดยช่องรายการบนโครงข่ายอื่นยังคงรับชมได้ตามปกติ

การทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินด้านเทคนิค ในระบบเปิดครั้งนี้ เพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของระบบ ทำให้ทราบระยะเวลา ในการส่งสัญญาณแจ้งเตือนที่แน่นอน รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินการทางเทคนิค และปัญหาอุปสรรคเพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายเดียวที่สามารถแจ้งเตือนเหตุภัยพิบัติ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหาย ลดความสูญเสีย และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกภายใต้การนำของกองทัพบก มุ่งเน้นดำเนินงานตามพันธกิจ และเจตนารมณ์ ในการเป็นสื่อสาธารณะหลักด้านความมั่นคงแห่งแรกและแห่งเดียว พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน และนำคุณค่าสู่สังคมไทยต่อไป