นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังหารือกว่า 1 ชั่วโมงในประเด็น แนวทางการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา MOU 2543 และ MOU 2544 ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป
นายอิทธิพร เปิดเผยว่า เป็นการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไป โดยเป็นการหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน งบประมาณ การกำหนดวัน และปัจจัยการจัดทำประชามติว่าขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง แต่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร
ขณะที่เรื่องบัตรเลือกตั้งนั้น เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าจะมีบัตรเลือกตั้งสองใบ สำหรับสส.แบบแบ่งเขต และสส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วนบัตรที่จะใช้ในการทำประชามติ ในขณะนี้วางแผนไว้ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือ ยกเลิก MOU 2543-2544 จะมีบัตรประมาณ 4 ใบ ซึ่งหากมีการออกเสียงในวันเดียวกันจะมีบัตรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ฉะนั้นต้องมีการบริหารจัดการให้มั่นใจที่สุด เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์ออกเสียง รวมถึงเจ้าที่ปฏิบัติหน้าที่ที่หน่วยจะได้ไม่มีความสับสน ซึ่งหลังจากนี้ต้องไปลงรายละเอียด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างดีที่สุด
ประธาน กกต. ย้ำว่า กกต. พร้อมปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศ เพราะเป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการนับคะแนน ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด ว่าจะต้องนับการเลือกตั้งทั่วไป หรือประชามติก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องพูดคุยกันต่อ ขณะที่งบประมาณในการดำเนินการ หากมีการจัดการเลือกตั้งพร้อมกันจะใช้งบประมาณกว่า 9,000 ล้านบาท แต่หากจัดเลือกตั้งแยกกันจะใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 53 ล้านคน ฉะนั้นหากทำประชามติพร้อมกันจะคุ้มค่ากว่า
ส่วนที่ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่มีผลใช้บังคับแล้วนั้น ประธาน กกต. ยืนยันว่า กกต. มีความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งในพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่นั้น ได้กำหนดให้สามารถจัดการออกเสียงประชามตินอกราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก ดังนั้น หากรัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติพร้อมกัน ก็จะต้องมีการจัดประชามตินอกราชอาณาจักรด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงย้ำถึงการตัดสินใจออกเสียงประชามติ MOU หลังทั้งส่วนราชการ และนักวิชาการ ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อการยกเลิก MOU ว่า เรื่องดังกล่าวได้อยู่ในนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาแล้ว
ส่วนการประสานงานในการจัดการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามตินั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากนี้คณะทำงานที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายภราดร ปริศนานันทกุลรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะมาหารือกับเลขาธิการ กกต.ต่อไป
ส่วนกรอบระยะเวลาที่จะทราบวันสำหรับการเลือกตั้ง และการออกเสียงประชามติ จะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เร็วที่สุด และอย่างไรการยุบสภา ก็จะไม่เกิน 31 มกราคม 2569 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2568 สำนักงาน กกต. จะจัดการประชุมสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงและเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง และการจัดการออกเสียงประชามติต่อไป


