นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงกรณีถูกกล่าวหาพัวพันกับแก๊งสแกมเมอร์ระดับโลก ว่า ตนเองมีประสบการณ์ด้านการเงินธนาคารกว่า 30 ปี และไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในกัมพูชา หรือที่ไหนในโลก ส่วนการที่บุคคลใดจะเอาชื่อของตนเองในอดีตไปเกี่ยวพันกับสแกมเมอร์ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และหลังจากนี้จะใช้เวลาไปสู้คดี เพราะฉะนั้นตนเองจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นายวรภัค ยืนยันว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆ กับขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น หรือแก๊งสแกมเมอร์ ทั้งในกัมพูชาและที่อื่นใดในโลก โดยชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกโยงดังนี้
กรณี BIC Group และ BIC Bank นายวรภัค ชี้แจงว่า มีความพยายามเชื่อมโยงชื่อตนกับกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึง BIC Group และ BIC Bank แต่ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่ทราบข้อเท็จจริงในรายละเอียด เนื่องจากเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เคยพบกับนายยิมเลียก ผู้บริหารของกลุ่ม BIC จริง แต่ไม่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารหรือที่ปรึกษา การที่รูปภาพถูกนำไปใช้ ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน และเมื่อทราบแล้วก็ได้มีการตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบรูปนั้นแล้ว
ขณะเดียวกัน นายวรภัค ยอมรับว่า รู้จักกับนายเบน สมิธ จริง ในฐานะผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนโรงเรียนเดียวกันและวัยเดียวกัน แต่ไม่ทราบเรื่องธุรกิจของนายเบน สมิธ
ส่วนประเด็นการซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus) ถูกกล่าวหาว่าเป็นการทำธุรกรรมในฐานะนอมินี นายวรภัค ชี้แจงว่า ที่มาของการซื้อหุ้น ในปี 2564 ตนเห็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น 29% จากผู้ถือหุ้นเดิมในราคาที่เหมาะสม เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย การจัดหาเงินทุน การซื้อหุ้นดังกล่าวใช้เงินไม่กี่ร้อยล้านบาท เพื่อเข้าควบคุมบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 มีการจัดตั้งบริษัท "ฟิวกริม ฟินันซ่า" ถือหุ้น 60/40 เพื่อเข้าซื้อหุ้น 29% และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) ในเวลาต่อมา แหล่งเงินกู้ที่ถูกเชื่อมโยง ได้มีการขอวงเงินกู้จาก 2 ส่วน คือ Capital Asia Investment (ดูแลโดยรัฐบาลสิงคโปร์) และ BIC Bank ลาว (ดูแลโดยนักธุรกิจลาว) แต่สุดท้ายไม่ได้มีการกู้เงินจากแหล่งใดเลย เนื่องจากไม่มีผู้ถือหุ้นรายอื่นขายหุ้นเพิ่ม
สำหรับความเกี่ยวข้องกับ BIC กัมพูชา ตนไม่ทราบว่า BIC Bank ลาว เกี่ยวพันกับ BIC กัมพูชาหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบในปัจจุบันไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว เนื่องจาก BIC กัมพูชา มี Apsara Holding ถือหุ้น 99% และนายยิมเลียก ถือ 1%
หลังจากเข้าถือหุ้น ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร และจ้างบริษัทที่ปรึกษา McKinsey เข้ามา แต่การปรับไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงตัดสินใจ ขายหุ้นทั้งหมดในปี 2567 ให้กับนายช่วงชัย หุ้นส่วนเดิม และ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการทุกตำแหน่ง โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารบริษัทอีก
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการแถลง นายวรภัคประกาศ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยให้เหตุผลว่า ต้องการใช้เวลาสู้คดี เพื่อเดินหน้าสงวนสิทธิ์ดำเนินคดีกับผู้บิดเบือนให้ข้อมูลเท็จอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนตัวและข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบหรือเป็นช่องทางให้ฝ่ายใดนำไปโจมตีรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ก่อนการแถลงข่าว นายวรภัค ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Vorapak Tanyawong ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นความพยายามของ "ขบวนการถ่วงความเจริญของประเทศชาติ" ที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล โดยยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะข้อกล่าวหาล่าสุดที่พาดพิงถึงภรรยาว่ารับสินบนเป็นสกุลเงินดิจิทัล (คริปโท) ซึ่งนายวรภัค ยืนยันว่า ภรรยาของตนยังไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรใดๆ ไม่เคยมีบัญชีคริปโทเคอร์เรนซีใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนสาเหตุที่ตนเองออกมาชี้แจงล่าช้า เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากการประชุมประจำปีของธนาคารโลก และ IMF ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาล เลยทำให้การชี้แจงข้อเท็จจริงส่วนตัวล่าช้าไปหน่อย