นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า วงจรอุบาทว์ ซื้อตัว ส.ส. ซื้อเสียงประชาชน
หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ แสดงวิสัยทัศน์และจุดยืน เกี่ยวกับการนำพาพรรคประชาธิปัตย์ เข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ โดยประกาศจุดยืนเรื่อง การการเมืองสุจริต ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ต่อต้านคัดค้านการซื้อตัวส.ส.และการซื้อเสียง ซึ่งตอนหนึ่งนายอภิสิทธิ์ได้พูดว่า “พรรคที่พยายามดูด ส.ส.ด้วยอำนาจเงิน หรืออำนาจรัฐ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมดูฟุตบอลอังกฤษนะครับ ระวังนะครับ ศูนย์หน้าฟอร์มดีๆ ค่าตัวแพงที่สุด ย้ายสโมสรไปแล้ว มันยิงไม่ได้ซักประตู”
ส่วนอีกตอนหนึ่งได้พูดว่า “ผมฟังเพลงสากลเพิ่งซื้อเทย์เลอร์ สวิฟต์ ล่าสุดเทย์เลอร์ สวิฟต์บอกว่า แก้วที่แตกจะมีความคมมากขึ้น ฉะนั้นใครจะมาทุบประชาธิปัตย์ เหมือนกำลังทุกแก้วให้แตก ผมบอกว่า ถ้าทุบเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะเอาแก้วที่แตกนั้น ไปตัดวงจรการซื้อเสียง และการคอรัปชั่นในประเทศไทย”
แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ประกาศชัดเจนต่อต้านการซื้อตัว ส.ส. การซื้อเสียง ซึ่งจะทำสำเร็จได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นว่า พรรคประชาธิปัตย์สามารถฟันฝ่าอุปสรรค การซื้อตัวส.ส. การดูดส.ส. ที่กำลังแพร่หลาย และรุนแรง และส.ส.ที่ขายตัว ก็นำเงินไปซื้อเสียงเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งส.ส.ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
คำพูดของนายอภิสิทธิ์ หรือการประกาศจุดยืนต่อต้านการซื้อเสียงของนายอภิสิทธิ์ ถ้าเปรียบเทียบกับผลการสำรวจของสวนดุสิตโพล ซึ่งสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ เรื่อง “ย้ายพรรค ย้ายใจประชาชน” พบว่า
1.การย้ายพรรค เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ร้อยละ 61.32
2.การย้ายพรรค มองว่านักการเมืองขายตัว ซื้อตัวกัน หรือดูดส.ส. ร้อยละ 52.91
แสดงให้เห็นว่า ประชาชนเห็นว่าการซื้อตัวส.ส.เป็นเรื่องปกติ ประชาชนไม่สามารถต่อต้านได้ เมื่อประชาชนเห็นว่าส.ส.ขายตัว มีการซื้อตัวส.ส. ประชาชนก็ขายเสียงให้กับส.ส.เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นในการเมืองไทย ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย สำหรับการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอย่างเปิดเผย และเป็นเรื่องปกติในความรู้สึกของประชาชน
ส่วนอีกคำถามของสวนดุสิตโพล สาเหตุที่นักการเมืองย้ายพรรคเกิดขึ้นจาก
1.ต้องการหาพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกับตัวเอง ร้อยละ 58.46
2.คิดว่าพรรคเดิมอาจจะแพ้เลือกตั้ง ร้อยละ 48.34
แสดงว่าการย้ายพรรค การดูด ส.ส.มักจะอ้างเรื่องอุดมการณ์ ที่ต้องการจะย้ายพรรคไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ เพราะอุดมการณ์ ซึ่งประชาชนเข้าใจเช่นนั้น เพราะนักการเมืองจะอธิบายว่า ย้ายพรรคก็เพราะอุดมการณ์ตรงกัน ส่วนถ้าไม่ย้ายก็จะแพ้เลือกตั้ง น่าจะมาจากกระแสพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่สาเหตุของการแพ้เลือกตั้งนอกจากกระแสที่สังกัดตกต่ำ จำเป็นต้องย้ายพรรคสังกัดใหม่ ส่วนหนึ่งก็มาจากการขายตัว เอาเงินมาซื้อเสีย เมื่อพรรคเก่าหรือพรรคเดิมไม่มีเงินให้มากเพียงพอ ก็จำเป็นไปหาพรรคการเมืองใหม่ เพื่อจะได้เงินจำนวนมากไปซื้อเสียง ก็เป็นเรื่องปกติของนักการเมือง
ถ้าเริ่มต้นจากการซื้อเสียงแล้ว ก็ต้องซื้อต่อไป และซื้อครั้งแรกแล้ว ซื้อครั้งที่สองก็แพงขึ้น และซื้อครั้งที่สามก็จะแพงกว่าครั้งที่สอง เป็นวัฏจักรที่ขยับราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดนี้คือ วงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยในขณะนี้