นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยกังขาว่า พล.ท.สาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร ออกมาพูดทำไม พูดเพื่ออะไรในเรื่องการยกเลิก MOU 43 จะทำให้การปักปันเขตแดนแล้ว 600 กม.หายไปหมด
“อย่ามาพูดชี้นำ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการปล่อยปละละเลยไม่ทำหน้าที่กันจริง แล้วก่อนหน้านี้ปี 2554 กัมพูชาละเมิดพื้นที่อ้างสิทธิ์กว่า 150 เมตรตัดถนนเป็นทางขึ้นปราสาทพระวิหารและกองกำลังสุรนารีประท้วงไม่สำเร็จ จนกัมพูชาสร้างถนนเสร็จ ความเสียหายอย่างนี้ ทำไม (เจ้ากรมแผ่นที่ทหาร) ไม่ออกมาพูดปกป้องกันบ้าง"
พร้อมถามว่า เจ้ากรมแผนที่ทหารพูดเสมือนหนึ่งว่า ถ้ายกเลิก MOU 43 การปักปันเขตแดนแล้ว 600 กม.จะหายไป ซึ่งไทยจะยอมโง่ขนาดนั้น และกัมพูชาจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ แล้วชายแดนที่ยังไม่ได้ปักปันอีก 196 กม.อยู่ในสภาพอย่างไร แตกต่างจากสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศลอย่างไร เรื่องต้องชี้แจงกับประชาชนด้วย
"ผมไม่ต้องการต่อว่า ปัญหาสะสมจนต้องเสียดินแดนถึงปัจจุบันนี้ ใครปล่อยปละละเลยเรียงกันตามลำดับ ถ้า MOU 43 ปักปันเขตแดนจนแล้วเสร็จนั้น เราจะมีปัญหารุกล้ำราชอาณาจักรไทยเหรอ”
สิ่งสำคัญ หลักในการปักปันเขตแดนใน JBC ต้องไม่มีการประชุมกันอีก เมื่อการปักปันยังไม่เรียบร้อย และขณะที่มีปัญหาการละเมิดรุกล้ำดินแดนกันอยู่ ดังนั้น เจ้ากรมแผ่นที่ทหารควรอธิบายว่า ภาพถ่ายทางอากาศที่ผ่านมา ปล่อยให้ไทยถูกรุกล้ำดินแดนและอธิปไตยได้อย่างไร แต่ถึงวันนี้พูดเสมือนหนึ่งยกเลิก MOU 43 ไม่ได้ ทั้งที่ถูกกัมพูชาละเมิดกว่า 600 ครั้ง
"ถ้ายกเลิก MOU 43 การปักปันเขตแดนแล้ว 600 กม.จบเหรอ ถ้ากัมพูชาจะเข้ามา ท่านก็ลาออกจากการเป็นทหาร เพราะใช้ไม่ได้ ไม่เข้าท่าที่สุด ดังนั้น อย่ามาอธิบายในการชี้นำกันแบบนี้ เมื่อข้อเท็จจริงการเสียดินแดนต่างกรรมต่างวาระนั้น เพราะไม่ได้ทำหน้าที่”
นายจตุพร กล่าวว่า การที่เจ้ากรมแผ่นที่ทหารมาอธิบายมุมใดก็ตาม แต่ MOU 43 ทำให้ไทยเสียเปรียบในเรื่องแผนที่ระหว่างอัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 กับ 1 ต่อ 50,000 ดังนั้น การประชุม JBC จะมีไว้ทำไม และยังดันทุรังกันอีกทำไม แต่กลับมีการพูดเสมือนว่า ถ้าเลิก MOU 43 พื้นที่ 10 จุดที่ไทยเอาคืนมานั้น กัมพูชาจะเอากลับไป
"ดังนั้น หากตั้งแต่ ร.5 มาถึงบัดนี้ ถ้าไม่มี MOU 43 ไทยจะอยู่กันอย่างไร จะปล่อยให้กัมพูชาละเมิดมาถึงกรุงเทพหรือไง ซึ่งมันฟังกันไม่ได้เลย ผมไม่อยากมีเรื่องกับเจ้ากรมแผนที่ทหาร แต่ท่านอยู่กับแผนที่ ทำไมปล่อยปละละเลย ไม่รายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามลำดับ หรือว่าแม่ทัพที่ 1-2 ออกมาพูด (กัมพูชารุกล้ำแดน) ไม่เป็นความจริง แล้วทหารและประชาชนตายกันเพราะอะไร”
นายจตุพร กล่าวว่า ทำไมต้องดื้อดึงประชุม JBC วันที่ 21-22 ต.ค นี้ ทั้งที่ไทยถูกละเมิดดินแดน ดังนั้น วันที่ 20 ต.ค. ที่ประชาชนจะไปกระทรวงการต่างประเทศ เจ้ากรมแผนที่ทหารรู้ดีที่สุด ว่าปล่อยปละละเลยกันมาได้อย่างไร ควรมาชี้แจงกับประชาชนด้วยว่า ทหารสารภาพว่า กัมพูชารุกล้ำดินแดนไทย 28 จุด เอาคืนมาได้ 10 จุด ด้วยสภาพแบบนี้ จึงต้องพูดถึงการปกป้องอธิปไตยของชาติ
อีกทั้งถามว่า ขณะนี้เอกชนทำถนนสายยุทธศาสตร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทำไมกองทัพไม่ไปทำเอง เพราะมีอุปกรณ์ครบ ทันสมัย มีมาตรฐาน แล้วทำไมปล่อยให้เอกชนไปทำถนนดินบด ทั้งๆที่กองทัพมีงบประมาณ ทำไมไม่ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวกัน
"ความรักชาติบ้านเมืองไม่มียศนำหน้าก็รักกันได้ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนไปพูดกับประชาชนในวันที่ 20 ต.ค.ที่หน้ากระทรวงต่างประเทศกันหน่อย ด้วยความรักชาติไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้หมายความว่าขาดสติ และที่พูดกันระหว่างนี้ พูดเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจเจ้ากรมแผนที่ทหาร”
ส่วนการข่มขู่ฆ่านักสิทธิมนุษยชนนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ความเห็นต่างมีกันได้ แต่ไม่ควรใช้วิธีการข่มขู่กัน และใครข่มขู่ฆ่า ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนั้น มาตรการรักษาความปลอดภัยจึงเป็นหน้าที่ของตำรวจ สิ่งสำคัญไทยไม่ควรอยู่ในสภาพมึน ชุลมุนการแสดงออก แล้วทะเลาะกันเอง
ประเทศไทยต้องมาก่อน