กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ตุลาคม 2568 เวลา 06.00 น.) ยังมีสถานการณ์อุทกภัยใน 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม อุบลราชธานี อุดรธานี และฉะเชิงเทรา กินพื้นที่ 75 อำเภอ 504 ตำบล 2,954 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 116,043 ครัวเรือน 387,568 คน ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังคงปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับรายงานการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ออุทกภัย จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต โดยการติดตั้งสะพานเบลีย์ (Bailey Bridge) ที่ อ.เซกา จ.บึงกาฬ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนเนื่องจากสะพานที่ใช้สัญจรไป-มาชำรุด ขณะนี้ทีมปฏิบัติการจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนครได้เร่งดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรได้โดยเร็ว
สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนใน จ.สุโขทัย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 9 พิษณุโลก ได้นำเครื่องจักรกลสาธารณภัยกว่า 10 รายการ กระจายกำลังปฏิบัติงานสูบระบายน้ำในพื้นที่การเกษตร ของจังหวัดสุโขทัยกว่า 9 จุด ได้แก่
- หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 9 ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย
- หมู่ที่ 1 ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย
- หมู่ที่ 6 ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก
- หมู่ที่ 1 ต.คลองยาง อ.สวรรคโลก
- หมู่ที่ 4 ต.คลองยาง อ.สวรรคโลก
- หมู่ที่ 5 บ้านคลองปู ต.คลองยาง อ.สวรรคโลก
- หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 6 ต.นครเดิฐ อ.ศรีนคร
- หมู่ที่ 6 ต.น้ำขุม อ.ศรีนคร
- หมู่ที่ 1,4,8,14 ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ
ปริมาณน้ำสะสมที่สูบระบายสามารถพร่องน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขังได้ แต่ยังคงต้องปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการปฏิบัติงานใน จ.สิงห์บุรี เมื่อวานนี้ ทีมงานจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 ชัยนาท ได้สนับสนุนการลงพื้นที่ของคณะผู้แทนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เพื่อนำสิ่งของไปมอบช่วยเหลือ และให้กำลังใจผู้ประสบภัยใน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
ในส่วนของการเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานให้จังหวัดเร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อที่จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในการให้ความช่วยเหลือประชาชนครัวเรือนละ 9,000 บาท ได้ทันทีที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ