นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อนว่า กัน จอมพลัง หรือ กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ช่วยเหลือประชาชนเปิดเสียงซาวด์ผีหลอนใส่กัมพูชากลางดึกนั้น กัมพูชาย่อมมีสิทธิ์เปิดเสียงหลอนใส่ไทยได้เช่นกัน
“การเปิดเสียงหลอนกลางดึกเป็นการทำสงครามจิตวิทยารบทางเสียง ยังดีกว่าทำสงครามฆ่ากันตาย และไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนกันตรงไหน”
ส่วนจังหวัดสระแก้วซ้อมแผนอพยพประชาชนใน 4 อำเภอ คือ ตาพระยา โคกสูง วัฒนานคร และคลองหาด เพื่อเตรียมพร้อมยามฉุกเฉิน สะท้อนว่า สถานการณ์ผลักดันกัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว อาจขยายผลไปถึงขั้นต้องทำสงครามต่อกัน
อย่างไรก็ตาม การให้ชาวบ้านเตรียมความพร้อมอพยพจึงไม่เกินความจริงไปได้ เพราะถ้ารบกันแล้ว คงไม่ได้อยู่แค่ดินแดนไทยถูกรุกล้ำเท่านั้น แต่จะขยายไปในพื้นที่ส่วนอื่นตั้งแต่ชายแดนกองทัพภาค 1 ถึงกองทัพภาค 2 ด้วย คงหนีกันไม่พ้นการปะทะกันทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ
ส่วนการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้น นายจตุพร เชื่อว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยเดินเกมการเมืองเร็วขึ้น เพื่อเร่งบีบกดดันให้ยุบสภาก่อน 31 ม.ค. 2569 ดังนั้น รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ คงอยู่ไม่ครบ 4 เดือนตามสัญญาทำเอ็มโอเอกับพรรคประชาชน
นอกจากนี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยตำหนิและกล่าวหา สส.ย้ายพรรคแต่ปล่อยลูกไว้เป็นไส้ศึกนั้น ยิ่งจะทำให้ สส.อยู่ในพรรคบางคนไม่กล้าเข้าร่วมกิจกรรมของพรรคด้วย เพราะยังมี สส.รอเวลาย้ายออกอีกจำนวนมากจะอึดอัดกับการตกเป็นเป้าการจับตา
สำหรับสถานการณ์โดยร่วมขณะนี้ นายจตุพร ประเมินว่า ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา มีความสำคัญกว่าการแก้ รธน. ดังนั้น นายอนุทิน จะเน้นแก้ปัญหาชายแดนให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะเรื่องนี้เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนไทย และจะมีผลต่อเสียงนิยมในการเลือกตั้งครั้งใหม่ด้วย
อีกทั้งกล่าวถึงการแก้ รธน. ว่า ถ้าร่าง พรบ.แก้ รธน.ผ่านสภา ไม่ถูกล้มกระดานกันเสียก่อน แม้การแก้ รธน.จะได้ทำประชามติ แต่คงไม่ผ่านประชามติกันง่ายๆ เพราะยังมีด่านสกัดกั้นอีกหลายขั้นตอน ดังนั้น ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงทำประชามติ
ประเทศไทยต้องมาก่อน