นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า โหมโรง การเมือง2ขั้ว
แม้ว่าช่วงนี้จะไม่ใช่ฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปก็ตาม แต่พรรคการเมืองสามารถคาดการณ์ได้ว่า จะมีเลือกตั้งเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยืนยันชัดเจนว่า จะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 และยุบสภาก็คงจะไม่ช้าไปกว่านี้ มีแต่จะเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมือง
ในขณะเดียวกันพรรคการเมืองต่างๆ ได้เคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก เตรียมการนับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้ง เห็นได้จากพรรคเพื่อไทย เปิดแคมเปญ ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย ประกาศตัวผู้สมัครจำนวน 180 คน ประกาศตั้งเป้าหมายจำนวน ส.ส. 200 คน บวกลบ 10% พรรคประชาชน ประกาศจะกวาดคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ 20 ล้านเสียง จำนวน ส.ส. 250 คน พรรคภูมิใจไทย ตั้งเป้าหมายจะได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 120 คน พรรคกล้าธรรมประกาศจะได้จำนวนที่นั่ง ส.ส. 80 คน รวมจำนวนเฉพาะ 4 พรรค จำนวนที่นั่งส.ส. 650 คน ซึ่งเกินจำนวนส.ส.ในสภา ที่มีอยู่ 500 คนด้วยซ้ำไป แต่ก็เป็นเรื่องของการประกาศเพื่อหวังผลทางการเมือง ปั่นกระแส เรียกเรตติ้ง หรือปั่นหุ้นเพื่อให้นักเลือกตั้ง เข้าสังกัดพรรคการเมืองเหล่านี้
ในข้อเท็จจริงหรือในความเป็นจริงทางการเมืองมีเพียง 2 ขั้ว คือฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายก้าวหน้า ถ้าดูคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าคะแนนฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะตกอยู่ประมาณ 12-14 ล้านเสียง ในขณะที่ฝ่ายก้าวหน้าจะตกอยู่ที่ 14-16 ล้านเสียง รวมทั้ง2ขั้ว จะมีประมาณ 30 ล้านเสียง
การที่พรรคการเมืองประกาศคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ และจำนวนที่นั่ง ส.ส. เป็นการประมาณการ หรือการคาดคะเนทั้งสิ้น แต่ถ้าหากจะดูจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง ก็เห็นได้ชัดว่าพรรคการเมืองไหนได้คะแนนจากซีกอนุรักษ์นิยม และพรรคการเมืองใดจะได้คะแนนจากซีกก้าวหน้าบ้าง ในฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่น่าจับตามอง ก็คือ ถ้าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 18 ตุลาคม 2568 นี้ ก็จะเป็นหัวหน้าพรรคคนหนึ่ง ที่สามารถเป็นหัวขบวนของฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ ซึ่งจะเข้ามาแบ่งหรือแชร์คะแนนในฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ไม่น้อย
เพราะฉะนั้นการประมาณการที่ผ่านมาของพรรคการเมืองต่างๆ น่าจะเป็นการประเมินคะแนนที่สูงเกินไป แม้ว่าล่าสุดผลการสำรวจของโพลบางสำนักออกมาว่า พรรคภูมิใจไทยมีคะแนนนิยมสูงกว่าพรรคประชาชน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล ประชาชนคาดหวัง และอยู่ในพื้นที่สื่อตลอดเวลา ประกอบกับพรรคประชาชน กำลังมีกระแสข่าวเรื่อง 44 ส.ส. ถูกสอบโดยปปช.และอาจจะมีผลทางกฎหมายได้จึงทำให้คะแนนของพรรคประชาชนลดน้อยลง
แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์การเลือกตั้งในวันข้างหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ในความเห็นของผม คิดว่าอันดับ1 ยังเป็นพรรคประชาชน ส่วนอันดับ2 คือพรรคภูมิใจไทย อันดับ3กับอันดับ4 ต้องแย่งกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคกล้าธรรม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อมากกว่าเดิม ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ต้องรอโอกาสพัฒนา หรือปรับระดับความศรัทธาของประชาชนขึ้นไปเรื่อยๆ
ในขณะนี้แต่ละพรรคพยายามจะช่วงชิงคะแนนกันอย่างเต็มที่ เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ก็จะรู้กันว่าพรรคการเมืองใดประสบความสำเร็จตามที่คุยไว้ และพรรคการเมืองใดหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ ตามที่ได้โม้โอ้อวดไว้เช่นกัน