จากกรณีเกิดกระแสต่อต้านนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจชาวอิสราเอล ในพื้นที่ท่องเที่ยว เกาะพะงัน เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เกี่ยวกับพฤติกรรมเชิงลบ ทั้งในส่วนที่เข้ามาประกอบธุรกิจ และนักท่องเที่ยว โดยมีชาวอิสราเอลเข้ามาถือครองที่ดินและทำธุรกิจ ใช้นอมินีชาวไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวชาติอื่น และผู้ประกอบการชาวไทย โดยกระแสต่อต้านกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ทำให้ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการ จ.สุราษฎร์ธานี ต้องเรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางแก้ปัญหานั้น
วันนี้ (10 ต.ค.) นายสุริยา บุญพันธ์ นายอำเภอเกาะพะงัน รายงานเกี่ยวกับการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวให้อยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย ว่า ตั้งแต่ปี 2566-2568 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับชาวอิสราเอลในพื้นที่ สภ.เกาะพะงัน รวมทั้งสิ้น 20 คดี ในฐานความผิดต่างๆ ประกอบด้วย ทำงานไม่ได้รับอนุญาต, อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด, ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ลักทรัพย์, ยาเสพติด, ทำร้ายร่างกาย, เงินตราปลอม และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน โดยในปี 2568 มีคดีที่น่าสนใจ ที่แสดงให้เห็นว่าชาวอิสราเอลเข้ามาประกอบธุรกิจ เช่น คดีอาญาที่ 141/2568 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2568 ความผิดฐานลักลอบเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ผู้ต้องหา สัญชาติอิสราเอล, คดีอาญาที่ 159/2568 ลงวันที่ 8 เม.ย. 2568 เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหา สัญชาติอิสราเอล, คดีอาญาที่ 212/2568 ลงวันที่ 12 พ.ค. 2568 ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจ (บริการรถเช่า) โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหา สัญชาติอิสราเอล ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบ ชาบัด หรือ วัดยิว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านศรีธนู พบว่าที่ดินที่ใช้ก่อสร้างมีการถือครองโดยมูลนิธิการชาบัดแห่งประเทศไทย (เกาะพะงัน)
ทั้งนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลทางลับ โดยเฉพาะการรวมตัวกันของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่ใช้สถานที่ทางศาสนาทำกิจกรรม พบว่า ชุมชนบริเวณบ้านศรีธนู ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.เกาะพะงัน กลายเป็นชุมชนชาวอิสราเอล ทั้งบ้านพักอาศัย ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว บริการแบบครบวงจร คล้ายทัวร์ศูนย์เหรียญ และยังพบอาคารสิ่งก่อสร้าง มีการติดป้ายภาษาอิสราเอลระบุว่า เป็นศูนย์ประสานงานช่วยเหลือพลเมืองอิสราเอล แต่สภาพอาคารยังไม่เปิดใช้งาน ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า อาคารดังกล่าวครอบครองโดยผู้ดูแล ชาบัด จึงคาดว่าสถานที่ดังกล่าวจะใช้เป็นจุดลงทะเบียนของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.เกาะพะงัน ที่ปัจจุบันใช้ ชาบัดเป็นที่ทำการ โดยบริเวณอาคารดังกล่าว ยังมีสิ่งปลูกสร้าง สำหรับร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก รวมถึงการบริการเชื่อมโยงท่องเที่ยวในจุดเดียวกัน
นอกจากนี้ การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบการปรับไถเตรียมที่ดิน และประกาศขายโดยใช้ภาษาอิสราเอลในพื้นที่หมู่ 4 ต.เกาะพะงัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ว่า เป็นที่ดินประเภทใด อยู่ในเขตป่าหรือไม่
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลบางส่วนก่อปัญหาเดือดร้อนกับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาติอื่นบนเกาะพะงันนั้น ต้องยอมรับข้อเท็จจริงก่อนว่า ปัจจุบันเรื่องการท่องเที่ยวให้ฟรีวีซ่า เมื่อฟรีวีซ่าการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามา จะไม่ผ่านสถานทูต ไม่ต้องตรวจสอบอะไรมาก เมื่อเข้ามา ตม.ประทับตราให้อยู่ได้ 30 วัน โดยได้มอบนโยบายว่า หากพบประวัตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้ว มีการต่อวีซ่าหลายครั้ง ให้ตั้งสมมุติฐานน่าจะมาทำธุรกิจ หรือทำอะไรในพื้นที่ ซึ่ง ตม.จะต้องดำเนินการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าต่อวีซ่าหลายครั้งได้มีการทำงานหรือไม่ หรือถ้าทำงานแล้วได้รับอนุญาตหรือไม่ ซึ่งการทำงานตรวจสอบคืบหน้าไปมากแล้ว
วันนี้ (10 ต.ค.) นายสุริยา บุญพันธ์ นายอำเภอเกาะพะงัน รายงานเกี่ยวกับการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวให้อยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย ว่า ตั้งแต่ปี 2566-2568 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับชาวอิสราเอลในพื้นที่ สภ.เกาะพะงัน รวมทั้งสิ้น 20 คดี ในฐานความผิดต่างๆ ประกอบด้วย ทำงานไม่ได้รับอนุญาต, อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด, ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ลักทรัพย์, ยาเสพติด, ทำร้ายร่างกาย, เงินตราปลอม และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน โดยในปี 2568 มีคดีที่น่าสนใจ ที่แสดงให้เห็นว่าชาวอิสราเอลเข้ามาประกอบธุรกิจ เช่น คดีอาญาที่ 141/2568 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2568 ความผิดฐานลักลอบเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ผู้ต้องหา สัญชาติอิสราเอล, คดีอาญาที่ 159/2568 ลงวันที่ 8 เม.ย. 2568 เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหา สัญชาติอิสราเอล, คดีอาญาที่ 212/2568 ลงวันที่ 12 พ.ค. 2568 ความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจ (บริการรถเช่า) โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหา สัญชาติอิสราเอล ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบ ชาบัด หรือ วัดยิว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านศรีธนู พบว่าที่ดินที่ใช้ก่อสร้างมีการถือครองโดยมูลนิธิการชาบัดแห่งประเทศไทย (เกาะพะงัน)
ทั้งนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลทางลับ โดยเฉพาะการรวมตัวกันของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่ใช้สถานที่ทางศาสนาทำกิจกรรม พบว่า ชุมชนบริเวณบ้านศรีธนู ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.เกาะพะงัน กลายเป็นชุมชนชาวอิสราเอล ทั้งบ้านพักอาศัย ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว บริการแบบครบวงจร คล้ายทัวร์ศูนย์เหรียญ และยังพบอาคารสิ่งก่อสร้าง มีการติดป้ายภาษาอิสราเอลระบุว่า เป็นศูนย์ประสานงานช่วยเหลือพลเมืองอิสราเอล แต่สภาพอาคารยังไม่เปิดใช้งาน ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า อาคารดังกล่าวครอบครองโดยผู้ดูแล ชาบัด จึงคาดว่าสถานที่ดังกล่าวจะใช้เป็นจุดลงทะเบียนของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.เกาะพะงัน ที่ปัจจุบันใช้ ชาบัดเป็นที่ทำการ โดยบริเวณอาคารดังกล่าว ยังมีสิ่งปลูกสร้าง สำหรับร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พัก รวมถึงการบริการเชื่อมโยงท่องเที่ยวในจุดเดียวกัน
นอกจากนี้ การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบการปรับไถเตรียมที่ดิน และประกาศขายโดยใช้ภาษาอิสราเอลในพื้นที่หมู่ 4 ต.เกาะพะงัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ว่า เป็นที่ดินประเภทใด อยู่ในเขตป่าหรือไม่
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลบางส่วนก่อปัญหาเดือดร้อนกับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาติอื่นบนเกาะพะงันนั้น ต้องยอมรับข้อเท็จจริงก่อนว่า ปัจจุบันเรื่องการท่องเที่ยวให้ฟรีวีซ่า เมื่อฟรีวีซ่าการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามา จะไม่ผ่านสถานทูต ไม่ต้องตรวจสอบอะไรมาก เมื่อเข้ามา ตม.ประทับตราให้อยู่ได้ 30 วัน โดยได้มอบนโยบายว่า หากพบประวัตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้ว มีการต่อวีซ่าหลายครั้ง ให้ตั้งสมมุติฐานน่าจะมาทำธุรกิจ หรือทำอะไรในพื้นที่ ซึ่ง ตม.จะต้องดำเนินการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าต่อวีซ่าหลายครั้งได้มีการทำงานหรือไม่ หรือถ้าทำงานแล้วได้รับอนุญาตหรือไม่ ซึ่งการทำงานตรวจสอบคืบหน้าไปมากแล้ว