นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าคดีกล่าวหาข้าราชการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ปัจจุบันมีการตั้งองค์คณะไต่สวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 12 คน แต่ปัจจุบันมีคำร้องเพิ่มเติมเข้ามา ขณะนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือคำร้องที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ใน 180 วัน และคำร้องภายหลังการพักโทษ โดยมีตัวละครเพิ่มเติมหลังจากคัดคำพิพากษา ทางเจ้าของเรื่องต้องเอาข้อเท็จจริงมาถอด ว่ามีการร้องเรียนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษา กับที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนไปแล้ว สอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีข้อเท็จจริงที่ยังไม่ตรงกัน ดังนั้น ป.ป.ช. ต้องดูตามแนวคำพิพากษาเป็นหลัก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การบ้านขององค์คณะไต่สวนที่ต้องเอาคำพิพากษามาถอด ดูตัวละครเพิ่มเติมที่เราต้องไต่สวน โดยเฉพาะที่มีคำร้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง ทางองค์คณะจะพิจารณาอย่างไร และเกี่ยวข้องกับการพักโทษด้วยหรือไม่
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ตกเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคนใหม่ด้วยหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นผู้ที่รับโทษในคดีเดิม เป็นข้อกฎหมายว่าผลของคดีเดิม ที่เป็นคดีใหม่ ตัวอดีตนายกรัฐมนตรีจะต้องมีความรับผิดด้วยหรือไม่อย่างไร องค์คณะไต่สวนฯ ต้องไปดูอยู่แล้วว่าอดีตนายกรัฐมนตรีต้องมีความรับผิดหรือไม่ เพราะท่านไม่ได้ถูกไต่สวนเดิม ส่วนข้อกฎหมายจะไปถึงหรือไม่ โดยอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้กระทำผิดในคดีนี้โดยตรง ความรับผิดในทางอาญาจะไปถึงหรือไม่ เป็นเรื่องขององค์คณะไต่สวนต้องไปดูอีกทีหนึ่ง ตามที่ศาลได้มีคำพิพากษามา
เมื่อถามว่า ตัวละครใหม่เพิ่มเติม 2 คนที่ถูกร้องเข้ามา เป็นข้าราชการระดับสูง หรือข้าราชการทางการเมือง นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมีคำร้องเข้ามา มี 2 ราย อย่างที่บอกมี 2 ช่วงคือ พักรักษาตัว 180 และอีกช่วงคือในช่วงการพักโทษ อยู่ที่องค์คณะไต่สวนพิจารณา แต่ไปเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายด้วย ในการแปลความ พ.ร.ฎ. อภัยโทษ ต้องรอองค์คณะไต่สวนฯ ว่าจะมองอย่างไร เรื่องนี้เท่าที่ทราบ มีการแยกสำนวนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือข้าราชการที่ส่งตัวอดีตนายกรัฐมนตรีไปรักษาตัว อีกส่วนคือเรื่องกระบวนการพักโทษ
นายสุรพงษ์ ยืนยันว่าไม่หนักใจในสำนวนคดี ในคดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ฟ้องเอง ไม่หนักใจ เพราะเราทำตามหน้าที่